FootNote:กระบวนการบริหารจัดการ จากอนาคตใหม่ ถึงก้าวไกล
บทบาทของ ส.ส.พรรคก้าวไกลได้รับการเฝ้ามองและติดตามด้วย ความสนใจอย่างเป็นพิเศษในห้วงแห่งการประชุมเพื่อพิจารณาพระราชกำหนดกู้เงิน 1.9 ล้านล้านบาท
ว่าจะสามารถรักษากระบวนการเดิมอันริเริ่มอย่างสร้างสรรค์ ตั้งแต่ยุคยังใช้ชื่อว่า”พรรคอนาคตใหม่”ได้หรือไม่
คงจำกันได้ว่า พรรคอนาคตใหม่ได้แสดงให้เห็นกระบวนการทำงานในรัฐสภาอันเป็นความแตกต่างไปจากพรรคการเมือง”เดิม”อย่างเด่นชัดตั้งแต่การอภิปรายนโยบายของรัฐบาล
และที่สำคัญเป็นอย่างมากคือการจัดระบบในการอภิปรายต่อร่างพรบ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 ที่มี นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นประธานในการจัดวาง
เส้นแบ่งอย่างสำคัญก็คือ การอภิปรายอย่างมีการบริหารจัดการ การอภิปรายอย่างมีการจัดระบบ จัดโครงสร้างดำเนินไปอย่างเป็นกระบวนการ
มิได้มีแต่การสังเคราะห์ วิพากษ์ หากแต่ยังมีข้อเสนอแนะ
การอภิปรายต่อเนื้อหาพระราชกำหนดกู้เงินจำนวน 1.9 ล้านล้าน บาทตลอด 3 วันที่ผ่านมาสะท้อนให้เห็นอย่างเด่นชัดว่าพรรคก้าวไกลยังรักษา”ขนบ”อันดีงามของพรรคอนาคตใหม่ไว้ได้ครบถ้วน
เริ่มจาก นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร เป็นตัวเปิด อธิบายขยายความโดย นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ
ตามมาด้วย นายสุเทพ อู่อ้น นพ.เอกภพ เพียรพิเศษ จากนั้น น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ลงลึกไปในรายละเอียดและนำร่องข้อเสนอแนะอย่างสร้างสรรค์ว่าหากเป็นพรรคก้าวไกลจะทำอย่างไร
ปิดท้ายด้วย นพ.ปดิภัทธ์ สันติภาดา นำเสนอรูปธรรมแห่งการแก้ไขในกระบวนการบริหารจัดการแบบพรรคก้าวไกล รวมถึงการเสนอแนะของ น.ส.วรรณรี ตะล่อมสินธุ์
ทั้งหมดนี้คือกระบวนการอภิปรายที่มิได้มีแต่”โวหาร” หากดำเนินไปอย่างมีการสังเคราะห์ วิเคราะห์และเสนอแนะ
นั่นก็คือ การทำงานผ่านกระบวนการ”บริหาร”และ”จัดการ”
จากนี้จึงเห็นอย่างเด่นชัดว่า ไม่ว่าจะอยู่ในโครงสร้างแห่งพรรคอนาคตใหม่ ไม่ว่าจะอยู่ในโครงสร้างแห่งพรรคก้าวไกล ก็เสมอแต่ เปลี่ยนเพียงชื่อ
ไม่ว่าจะมี นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นหัวหน้าพรรค ไม่ว่าจะมี นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นหัวหน้าพรรค
พรรคก้าวไกลก็ยังรักษาเอกลักษณ์แห่งพรรคอนาคตใหม่
สร้างความแตกต่างจากพรรคการเมืองอื่น เป็นความแตกต่างบนฐานแห่งการบริหารจัดการอันมีเอกลักษณ์
“บริหารจัดการ”ต่างหากคือจุดต่าง สร้างความเปลี่ยนแปลง
