ไม่ว่าคำขู่อันออกมาจากปาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรระหว่างพิจารณาร่างพรบ.งบประมาณราย จ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2564
“ระวังตัวเอาไว้บ้างก็แล้วกัน”
ไม่ว่าการเคลื่อนไหวอย่างเป็นระบบเป็นกระบวนการของเครือข่ายการเมืองนอกสภา ภายในเครือข่ายของพลัง”ประชารัฐ”ไม่ว่านักการเมือง ไม่ว่าสื่อ
ยังคงพุ่งเป้าเข้าใส่”พรรคก้าวไกล”อย่างมี “กัมมันตะ”
ทั้งๆที่ภายหลังพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบจำนวน 80 กว่า ส.ส.ที่เคยมีก็คงอยู่เพียง 50 กว่า น้อยกว่าพรรคพลังประชารัฐ น้อยกว่าพรรคภูมิใจไทย น้อยกว่าพรรคประชาธิปัตย์
แล้วเหตุใด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จึงถือว่าพรรคก้าวไกลเป็นเหมือนหนามยอกอยู่กลางหัวใจ
นั่นเพราะ “ก้าวไกล” คือผลิตผลแห่ง”อนาคตใหม่”
นั่นเพราะเมื่อมองหน้า ส.ส.พรรคก้าวไกลก็เหมือนเห็นหน้า นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และ นายปิยบุตร แสงกนกกุล
มีจุดร่วมอย่างแน่นอนระหว่างบทบาทของพรรคก้าวไกลกับบทบาทของพรรคเสรีรวมไทย นั่นก็คือ จุดที่พุ่งเป้าเข้าใส่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
จะต่างก็เพียงแต่ที่พรรคเสรีรวมไทยบทบาทเด่นคือหัวหน้าพรรค
ขณะที่ของพรรคก้าวไกลเป็นไปทั้งพรรค ไม่มียกเว้น
จะต่างก็เพียงแต่บทบาทของพรรคเสรีรวมไทยพุ่งความสนใจไปในแง่ของกฎหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ
ขณะที่ของพรรคก้าวไกลครอบคลุมอย่างกว้างขวางตั้งแต่เศรษฐกิจ การเมืองและวัฒนธรรม
บทบาท 3 วันระหว่างการอภิปรายร่างพรบ.งบประมาณราย จ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.564 ออกมาเด่นชัด
กลายเป็นหนอนในหัวใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ความหงุดหงิดที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เคยมีกับพรรคอนาคต ใหม่อย่างไร ความหงุดหงิดนั้นก็ประเคนมอบให้กับบทบาทพรรคก้าวไกลหมดสิ้น
ที่หงุดหงิดกับ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ก็มาเป็น นายพิธา ลิ้ม เจริญรัตน์
ทั้งยังมี น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล เพิ่มเข้ามาด้วย