คอลัมน์ บทบรรณาธิการ

อีก 1 เดือนข้างหน้านับจากวันนี้ วันที่ 25 สิงหาคมจะเป็นวันตัดสินคดีโครงการรับจำนำข้าว คดีทางการเมืองที่ไม่เพียงอยู่ในความสนใจของคนไทย ยังจะเป็นที่ติดตามของนานาประเทศ

เพราะจำเลยเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศที่ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งตามกระบวนการประชาธิปไตย

บริหารประเทศได้เพียงครึ่งวาระด้วยแผนงานใหญ่ 3 เรื่อง ได้แก่ นโยบายรับจำนำข้าว แผนการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท และร่างกฎหมายเงินกู้ 2 ล้านล้านบาทเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมที่มีรถไฟความเร็วสูงเป็นไฮไลต์

งานทั้งสามเรื่องสะดุดลงทั้งก่อนและหลังเหตุการณ์รัฐประหาร เป็นที่รับรู้ของผู้คนทั้งในประเทศและต่างประเทศ

ด้วยบทบาทหน้าที่และการนำเสนอแผนงานใหญ่ดังกล่าว ทำให้อดีตนายกรัฐมนตรีหญิงเป็นจุดสนใจอย่างต่อเนื่อง แม้จะถูกให้พ้นจากตำแหน่งไปแล้ว

ดังนั้นการที่จะถูกพิพากษาในคดีโครงการรับจำนำข้าวที่มีประชาชนคิดเห็นแตกต่างกันใน หลายมุม จึงมีผู้สนใจจำนวนมาก จนเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงต้องเตรียมรับมือนานกว่า 1 เดือน

มีคำแนะนำเชิงปรามในทันทีว่ามวลชน ควรติดตามสถานการณ์อยู่ที่บ้าน ไม่จำเป็นต้องเดินทางมากรุงเทพฯ เพื่อไม่ให้เกิดการรบกวนในการทำหน้าที่ของศาล รวมถึงความคับคั่งในเรื่องของการจราจร

อีกทั้งมีรายงานว่าแม่ทัพทั้ง 4 ภาค กำชับให้ทุกพื้นที่เฝ้าดูการเคลื่อนไหวของทุกกลุ่ม ด้วยเหตุผลของการรักษาความสงบเรียบร้อย

คําเตือนดังกล่าวอาจประเมินจากสถานการณ์ก่อนเกิดรัฐประหารทั้งในปี 2549 และปี 2557 ซึ่งเกิดเหตุการณ์รบกวนผู้คนในสังคมอย่างต่อเนื่องยาวนาน

มีทั้งการบุกรุกสถานที่ราชการ บุกรุกท่าอากาศยานนานาชาติ และปิดกั้นคูหาเลือกตั้ง

แต่ในสภาพบ้านเมืองขณะนี้ ไม่มีแนวโน้มที่จะเกิดเหตุการณ์รบกวนดังกล่าวได้ เนื่องจากมีกฎหมายและกลไกรักษาความสงบเรียบร้อยที่บังคับใช้ได้อย่างเต็มที่

การห้ามปรามประชาชนที่แสดงออกเพียงเล็กน้อยอาจไม่ส่งผลดีนักต่อภาพลักษณ์ของประเทศที่ย้ำต่อนานาชาติเสมอมาว่ากำลังฟื้นฟูประชาธิปไตย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน