คอลัมน์ บทบรรณาธิการ

การเดินทางไปรับฟังข้อกล่าวหาจากรัฐ ของนายประวิตร โรจนพฤกษ์ ผู้สื่อข่าวอาวุโสเว็บไซต์ข่าวสดอิงลิช มีตัวแทนทูตต่างประเทศ ตัวแทนจากหน่วยงานสหประชาชาติ และองค์กรสิทธิมนุษยชนทั้งในและต่างประเทศมาร่วมสังเกตการณ์ พร้อมด้วยสื่อมวลชนต่างประเทศที่ติดตามทำข่าว

เนื่องจากนายประวิตรเป็นสื่อมวลชนคนหนึ่งที่มีบทบาทด้านการแสดงความคิดเห็นต่อรัฐบาลอย่างเปิดเผยมายาวนาน ไม่ว่าในอดีตหรือปัจจุบัน

การถูกแจ้งจับจากกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ปอท. มาเกิดขึ้นในช่วงรัฐคุมเข้มเรื่องการแสดงความคิดเห็น

ทั้งที่ไม่น่าเกิดบรรยากาศเช่นนี้ ในช่วงเวลาที่รัฐยืนกรานกับรัฐบาลนานาประเทศมาตลอดว่า กำลังฟื้นฟูประชาธิปไตย

การฟื้นฟูประชาธิปไตยกับการคุมเข้มการแสดงออกที่ปราศจากความรุนแรงนั้นเป็นสิ่งที่ขัดแย้งกันอย่างชัดเจน

ยิ่งเมื่อมีการใช้กฎหมายเพื่อจำกัดการวิพากษ์วิจารณ์ ตรวจสอบการทำงานรัฐโดยเปิดเผย และไม่ก่อให้เกิดความรุนแรงใดๆ ยิ่งเป็นเรื่องที่หวั่นใจว่า การฟื้นฟูนี้จะเกิดขึ้นได้อย่างไร

ข้อกล่าวหาของนายประวิตรครั้งนี้คือยุยงปลุกปั่นประชาชน ไม่ใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 นอกจากต้องพิสูจน์ตีความกันว่าปลุกปั่นจริง หรือไม่

ยังเป็นอีกครั้งที่ตอกย้ำว่า รัฐไม่เคยเชื่อใจประชาชนว่าจะคิด กลั่นกรอง และประเมินข้อมูลข่าวสารเองได้

องค์กรด้านสิทธิเสรีภาพและสิทธิมนุษยชน ตั้งคำถามกลับไปยังรัฐบาล ถึงพันธกรณีที่ควรเคารพเรื่องเสรีภาพในการแสดงออกและการมีส่วนร่วมในสาธารณะของประชาชน

เพื่อแสดงความตั้งใจและจริงใจ เจ้าหน้าที่รัฐจึงควรหลีกเลี่ยงการใช้มาตรการทางอาญา รวมไปถึงความผิดทางอาญาในเรื่องของการยุยง ปลุกปั่น ในฐานะเป็นเครื่องมือในการควบคุมการแสดงออกทางความคิด

การแจ้งข้อหาพลเรือนหรือสื่อมวลชนที่อยู่ห่างไกลจากความรุนแรง ด้วยมาตรา 116 และพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ตามมาตรา 14 นั้น คงไม่เกิดผลดีทั้งกับรัฐบาลและกับประเทศด้วย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน