บทบรรณาธิการ

หลังเหตุการณ์ก่อวินาศกรรมวางระเบิดและวางเพลิงใน 7 จังหวัดภาคใต้ตอนบน รวม 17 จุด เมื่อต้นเดือนสิงหาคม ซึ่งแน่ชัดว่ามีความเชื่อมโยงกับขบวนการใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

แม้รัฐบาลและฝ่ายความมั่นคงจะประสานเสียงปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวข้องกับการขยายพื้นที่ก่อการร้าย แต่หลักฐานและพยานวัตถุก็ชัดเจนว่าโยงใยกัน รวมถึงการออกหมายจับกลุ่มที่ ก่อเหตุก็เป็นบุคคลในพื้นที่ดังกล่าว

ขณะเดียวกันเป็นที่น่าสังเกตว่าในครั้งนั้น มีการไล่ล่า กวาดล้าง จับกุมกลุ่มบุคคลที่เห็นต่างอย่างเหวี่ยงแห มีหลายคนถูกละเมิดสิทธิ และถูกคุมขังฟรี เสียทั้งงานและชื่อเสียง

จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีผู้รับผิดชอบ

ล่าสุด ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจ แห่งชาติ มีคำสั่งด่วนให้เฝ้าระวังการ ก่อวินาศกรรม และการลอบวางระเบิดใน สถานที่เชิงสัญลักษณ์ สถานที่ท่องเที่ยว ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล รวม 3 จุด

เป้าหมายได้แก่สะพานสำคัญ สนามบินสุวรรณภูมิ พิพิธภัณฑ์ สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ โดยเฉพาะในช่วงระหว่างวันที่ 25-30 ตุลาคมนี้ ซึ่งตรงกับเหตุการณ์ชุมนุมหน้าสภ.ตากใบ

ลักษณะการก่อเหตุนั้นการข่าวระบุว่าอาจเป็นคาร์บอมบ์ จึงขอให้ประชาชนช่วยกันสอดส่อง สังเกตความผิดปกติ แล้วแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบ

อันเป็นไปตามแผนการป้องกันและรับมือ

คล้อยหลังคำสั่งนี้ รองผบ.ตร.ฝ่ายความมั่นคง ออกมายอมรับว่าจับตากลุ่มเคลื่อนไหวหลายกลุ่มใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้และชาวต่างชาติ ซึ่งน่าจะเป็นกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับคดีระเบิดและวางเพลิงในพื้นที่ 7 จังหวัดภาคใต้ตอนบน เมื่อวันที่ 11-12 ส.ค.

ขณะที่เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติแจ้งเตือน ต้องไม่ประมาท ต้องตื่นตัว อยากให้ช่วยกันแจ้งข่าวเมื่อพบเห็นสิ่งผิดปกติ หรือพบเห็นยานพาหนะที่อาจจะถูกนำมาใช้ในการระเบิด รวมถึงบุคคลที่มีพฤติกรรมพิรุธ

การที่ฝ่ายรัฐแจ้งเตือนและไม่กล่าวหาว่าการนำเสนอข่าวทำให้สังคมตื่นตระหนกหรือการท่องเที่ยวเสียหาย น่าจะได้รับความร่วมมือจากประชาชนเป็นหูเป็นตาช่วยเฝ้าระวังได้มากขึ้น

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน