การหายตัวไปจากสังคมไทยของ น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเชื่อได้ว่าเป็นการเดินทางออกนอกประเทศ ไม่เพียงเกี่ยวพันกับคดีโครงการรับจำนำข้าว
ยังเป็นผลทางการเมืองที่รัฐบาลอาจไม่ต้องกังวลกับกลุ่มผู้สนับสนุนอดีตนายกฯ หญิงจำนวนมากที่จะออกมาเคลื่อนไหวใดๆ อีก
หลังจากเพิ่งแสดงออกถึงความกังวลพิเศษ ในแผนป้องกันมวลชนเข้ามาสนับสนุน น.ส.ยิ่งลักษณ์เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม
ขณะนี้เงื่อนไขความขัดแย้งด้านตัวบุคคลนับจากเหตุรัฐประหาร 2557 จึงน่าจะหมดไปแล้ว
พร้อมกับความเชื่อว่าจะทำให้การเผชิญหน้าทางการเมืองลดลง และบรรยากาศการเมืองน่าจะดีขึ้น
ช่วงเวลาจากนี้ไป จึงเป็นการพิสูจน์การทำงานของรัฐบาลอย่างเต็มที่ เพราะไม่มีเงื่อนไขหรือความวิตกจากกลุ่มการเมืองเดิมที่ได้รับความนิยมอีก รวมถึงกลุ่มที่คิดเห็นแตกต่างจากรัฐบาล ถูกคุมเข้มโดยมาตรการ ทางกฎหมายเช่นกัน
ดังนั้น รัฐบาลจึงควรแสดงผลงานให้เด่นชัด โดยเฉพาะผลงานด้านเศรษฐกิจที่เผชิญภาวะ อึมครึมมาตลอด 3 ปีกว่า นับจากเกิดเหตุรัฐประหารและโครงการรับจำนำข้าวสิ้นสุดลง
ในขณะที่รัฐบาลปัจจุบันพยายามลงทุนจากภาครัฐขนานใหญ่โดยไม่มีการทักท้วงหรือ ตรวจสอบโดยระบบรัฐสภา
จึงควรแสดงผลที่เอื้อต่อคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ การจับจ่ายใช้สอยของประชาชนในสภาพความเป็นจริง
สําหรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่มี แนวโน้มสูงขึ้นเป็นร้อยละ 3.7 ของทั้งปี 2560 ดูจะไม่ใช่ตัวสะท้อนภาพเศรษฐกิจที่แท้จริงได้
ผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาค อุตสาหกรรมไทย ในเดือนกรกฎาคม 2560 ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 และต่ำสุดในรอบ 10 เดือน
ส่วนการกระจายรายได้ยังไม่เกิดประสิทธิผล และถูกตั้งข้อสังเกตในเรื่องประสิทธิภาพ
ในเมื่อเงื่อนไขทางการเมืองในรูปแบบประชา ธิปไตยเดิมอ่อนแรงลงไปแล้วในขณะนี้ ความคาดหวังที่จะเห็นผลงานของรัฐบาลที่รุกเข้ามาบริหารประเทศในด้านเศรษฐกิจจึงสูงขึ้น
หากต้องการแสดงให้เห็นว่าประชาธิปไตยแบบไทยๆ นั้นแตกต่างและดีกว่าสากล ก็ต้องพิสูจน์ให้เห็นในเรื่องปากท้องของประชาชนให้ชัดเจนก่อน