“กรรม” อันเนื่องแต่เหตุการณ์สลายการชุมนุมเดือนเมษายน พฤษภาคม 2553 ดำเนินไปตาม “กฎ”

ไม่จำเป็นต้องรอถึง “ชาติหน้า”

อย่างน้อยเหตุการณ์เล็กๆอันปรากฏขึ้นที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต

ก็แสดงอย่างแจ้งชัด

ยังที่จะมีการเปิดแถลงข่าวของ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ในตอน 14.00 น.วันนี้ที่ศูนย์การค้าอิมพีเรียลเวิลด์ ลาดพร้าว

นั่นก็เนื่องแต่เดือนเมษายน พฤษภาคม 2553

ทุกอย่างแตกต่างจากสถานการณ์เดือนตุลาคม 2516 เดือนตุลาคม 2519 และเดือนพฤษภาคม 2535

ดำเนินไปในแบบ “กรรมติดจรวด”

ความจริง สถานการณ์เมื่อปี 2516 เมื่อปี 2519 เมื่อปี 2535 ก็มีพยาน มีหลักฐาน

แต่ไม่จะ-จะเหมือนเมื่อปี 2553

ปี 2553 บรรดาคนที่ออกคำสั่ง บรรดาคนที่ถือปืน บรรจุกระสุนจริง ยังดำรงคงอยู่ ครบถ้วน

“ภาพ” นิ่ง ภาพ “เคลื่อนไหว”มีหมด

ยิ่งกว่านั้น ยังมีการชันสูตร พลิกศพ มีคำพิพากษาจากศาลระบุอย่างเด่นชัดว่า

ศพที่ซอยรางน้ำตายอย่างไร เป็นการยิงของใคร

พลันที่ผู้เกี่ยวข้องไปปรากฏตัวที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต จึงต้องประสบกับ “คำถาม”

แล้วจะปิดปาก นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ได้อย่างไร

คำตอบต่อทุกคำถามในเหตุการณ์เมื่อเดือนเมษายน พฤษภาคม 2553 ปรากฏอย่างเปิดเผย

จากพฤษภาคม 2553 มายังพฤษภาคม 2560 ไม่นาน

ที่โบราณเคยสรุปว่า ช้างตายทั้งตัว เอาใบบัวไปปิด ย่อมไม่มิดอย่างแน่นอนนั้น

ยืนยันได้จาก 99 ศพ

เสียงร่ำไห้ยังไม่จางหาย น้ำตาแทบว่าจะเป็นสายเลือด จึงยากเป็นอย่างยิ่งที่จะกลบทับ บดบัง ไม่ว่าด้วยข้ออ้างใหญ่โตเพียงใดก็ตาม

นี่ย่อมต่างจากปี 2516 ปี 2519 และปี 2535

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน