เหลือเวลาเพียง 7 วันเท่านั้น ที่สำนักพระราชวังกำหนดเปิดให้ประชาชนได้เข้ากราบสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท

ตลอดเวลารวม 327 วัน ณ วันที่ 25 ก.ย. มีผู้เข้าไปกราบสักการะทั้งสิ้น 11,260,388 คน และถวายเงินเพื่อร่วมบำเพ็ญพระราชกุศลรวม 834,241,170.01 บาท

ในการนี้ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานพระบรมราชานุญาต ให้จัดตั้ง “จิตอาสาเฉพาะกิจ งานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ” ขึ้น ปรากฏว่ามีประชาชนทั้งในประเทศและต่างประเทศร่วมสมัครเป็นจำนวนมาก

มีผู้ลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 1-25 ก.ย. รวมทั้งสิ้น 2,010,429 คน

ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม เป็นต้นไป จึงเป็นวาระแห่งความโศกาลัย พสกนิกรทุกหมู่เหล่าร่วมรำลึกถึงวันที่เสด็จสวรรคต และร่วมพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย

ในโอกาสนี้ รัฐบาลประกาศขยายระยะเวลาไว้ทุกข์ออกไปอีก 15 วัน ตั้งแต่วันที่ 13-27 ต.ค. เนื่องจากมีพระราชพิธีที่ต้องดำเนินการต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 25-29 ต.ค.นี้

นอกจากนี้ ยังกำหนดให้วันที่ 28 ต.ค.นี้ เป็นวันออกทุกข์ และให้หน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ และร่วมมือองค์กรเอกชนทั่วไป เก็บผ้า ป้ายขาวดำ ที่แสดงความโศกเศร้าออกทั้งหมด

พร้อมกันนี้ ให้ทุกหน่วยงานในประเทศ และสถานทูตไทยในต่างประเทศ ลดธง ลงครึ่งเสาเป็นเวลา 15 วัน ตั้งแต่วันที่ 13-27 ต.ค.

เป็นที่น่ายินดีที่องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส องค์การพระพุทธศาสนิกสัมพันธ์แห่งโลก พร้อมสถานเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงปารีส และสำนักผู้แทนถาวรไทยประจำยูเนสโก

ร่วมกันจัดประชุมสันติภาพนานาชาติ หัวข้อ “การสร้างสังคมแห่งสันติภาพที่ยั่งยืน : มรดกในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช” ถวายราชสดุดีและแสดงความอาลัย เฉลิมพระเกียรติ ด้วยการถวายราชสักการะในเวทีนานาชาติ

ในส่วนของประชาชนชาวไทยนั้น ย่อมมีจุดมุ่งหมายร่วมกันอยู่แล้วว่าจะรำลึกพระมหากรุณาธิคุณโดยถ้วนหน้า ด้วยการน้อมนำพระราชจริยาวัตร พระราชปณิธาน ตลอดจนพระบรมราโชวาทที่ทรงให้ไว้ในโอกาสต่างๆ

เพื่อนำมาปฏิบัติสืบไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน