ปฏิกิริยาด้านบวกจากนักลงทุนไทยและต่างประเทศในตลาดหลักทรัพย์ที่เกิดขึ้นทันทีหลังการประกาศช่วงเวลาเลือกตั้งในปีหน้า สะท้อนถึงความต้องการของผู้คนจำนวนมากที่หวังจะเห็นประเทศกลับเข้าสู่ภาวะปกติ
แม้จะมีเสียงในอีกทางหนึ่งที่ความพยายามสร้างเงื่อนไขว่าการเลือกตั้งยังคงขึ้นอยู่กับการปฏิรูปในด้านต่างๆ รวมถึงการปฏิรูปของนักการเมือง
มีโพลบางสำนักที่ยังตอกย้ำความวิตกกังวลเรื่องความขัดแย้งว่าจะกลับมาหลังการเลือกตั้ง เช่นเดียวกับปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นจะเป็นเช่นเดิม
การสร้างกระแสดังกล่าวนี้ไม่ว่าจะมีผล ทำเพื่อให้คนในสังคมเกิดความกลัวและขาดความเชื่อมั่นในระบอบประชาธิปไตยหรือไม่ ล้วนตอกย้ำถึงความไม่มีวุฒิภาวะทางประชาธิปไตย
ระบอบประชาธิปไตยที่นานาอารยประเทศใช้เป็นรูปแบบการบริหารบ้านเมืองนั้นล้วนสะท้อนว่าไม่มีความสมบูรณ์แบบ มีแต่จะต้องเรียนรู้ อดทน อดกลั้น เพื่อดำรงชีวิตอย่างสันติท่ามกลางความแตกต่างและความเห็นไม่ตรงกัน
การปฏิรูปจำเป็นต้องมีต่อเนื่อง แต่จุดสำคัญอยู่ที่การมีส่วนร่วมจากประชาชนส่วนใหญ่ มิใช่คณะบุคคลที่ประกาศตัวเป็นคนดีหรือคนเก่งในขอบเขตคับแคบ
เช่นเดียวกับนักการเมืองที่จะปรับตัวรับการปฏิรูปได้ดีที่สุดจากผลของการเลือกตั้ง มิใช่ในช่วงเวลาที่ถูกยึดอำนาจ
และเช่นเดียวกับระบบการเลือกตั้งที่ต้องปรับปรุงให้ดีขึ้นจากการศึกษาและวิจัย จากเลือกตั้งครั้งก่อนๆ อย่างต่อเนื่อง มิใช่การหยุดนิ่งเพื่อจะรอการเลือกตั้งที่สมบูรณ์แบบ
สําหรับปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นไม่ควรถูกใช้เป็นข้ออ้างสำหรับการหยุดกลไกประชาธิปไตยอีก
เพราะประเทศที่ได้รับการจัดอันดับความโปร่งใสในการบริหารงานราชการล้วนเป็นประเทศประชาธิปไตยที่อาศัยกลไกการตรวจสอบของประชาชน พรรคการเมือง องค์กรเอกชน ฯลฯ ในบรรยากาศที่ประเทศมีเสรีภาพในการแสดงออกทางความคิด
การตรวจสอบดังกล่าวนี้จะต้องไม่ได้ขึ้นอยู่ กับความน่าเชื่อถือของคณะใดคณะหนึ่ง หรือ การรับประกันของใครคนใดคนหนึ่ง
การสร้างเงื่อนไขและใช้ข้ออ้างเพื่อหยุดประชาธิปไตยและการเลือกตั้งนั้นควรพอได้แล้ว