จะด้วยสาเหตุของการประสานงานที่ไม่ลงตัว หรือจะด้วยเหตุผลอื่นก็ตามที แต่กำหนดการที่นายมาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก เจ้าของและผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊ก จะเดินทางมา เมืองไทยและเข้าพบพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ถูกยกเลิกไป
ด้านหนึ่งอาจจะเป็นที่น่าเสียดาย
น่าเสียดายทั้งในเรื่องโอกาสของการลงทุนโดยตรง และการสร้างภาพพจน์ที่ได้จากการลงทุนของเฟซบุ๊กเป็นกระดานหกดึงดูดการลงทุนใหม่ๆ จากต่างประเทศ โดยเฉพาะการลงทุนในด้านเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามา
และน่าเสียดายทั้งโอกาสที่จะพบปะพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน
เพื่อจะได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ทัศนะระดับโลก
อย่างไรก็ดี การงดเดินทางมาประเทศไทยของนายซักเคอร์เบิร์ก ก็มิได้ทำให้ไทยกลายเป็นประเทศที่ไม่น่าลงทุน หรือจะไม่มีทุนจากต่างประเทศอื่นๆ เข้ามาอีก
เพราะการตัดสินใจจะลงทุนในที่ใดที่หนึ่งของทุนข้ามชาตินั้น ย่อมต้องอาศัยปัจจัยหลายอย่างในการพิจารณา
ทั้งในแง่ของบรรยากาศทางเศรษฐกิจ บรรยากาศทางการเมือง และความเอื้อของภูมิสังคมวัฒนธรรม
ไม่ว่าจะมีการมาเยือนของนายซักเคอร์เบิร์ก หรือการลงทุนจากเฟซบุ๊กหรือไม่ หากต้องการดึงดูดเงินลงทุนจากต่างประเทศ
ประเทศไทยก็จะต้องเตรียมปัจจัยพื้นฐานเหล่านี้รองรับอยู่แล้ว
แต่ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความเปิดเผยโปร่งใสของระเบียบกติกาก็ดี การพัฒนาที่เน้นการเปิดกว้างและมีส่วนร่วมของสังคมก็ดี ไปจนกระทั่งถึงสังคมที่มีพลเมืองที่มีพลวัต คือกล้าคิดกล้าแสดงออก อันเป็นต้นกำเนิดของ “นวัตกรรม” ทั้งหลายก็ดี
ล้วนแล้วเกี่ยวพันและงอกงามขึ้นจากระบอบและบรรยากาศของประชาธิปไตยทั้งสิ้น
สังคมที่ปิดกั้นการแสดงออก สังคมที่การบังคับใช้กฎหมายไม่เป็นอย่างเสมอภาค ย่อมไม่เอื้อต่อการประกอบธุรกิจหรือการลงทุนใดๆ ทั้งสิ้น
การคืนประชาธิปไตยให้กับสังคมตามกำหนด หรือไม่ยืดเยื้อออกไป
จึงเป็นปัจจัยสำคัญประการหนึ่งในการผลักดันเศรษฐกิจให้เจริญเติบโต
