เหมือนกับการจัดวาง พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ ไปอยู่กระทรวงแรงงาน จะเป็นการหา”ทางลง”
เพราะว่า “รัฐมนตรี”ก่อนหน้านี้ก็เป็น”ทหาร”
เริ่มจาก พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ ตามมาด้วย พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล
การมีชื่อ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ จึง”เข้าทาง”
แต่หากดูเส้นทางการเป็นรัฐมนตรีของ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ น่าจะไม่เป็นไปเช่นนั้น
เริ่มจากเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
เมื่อมีการปรับครม.ใหญ่ในเดือนสิงหาคม 2559 ก็ดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
“เส้นทาง” นี้บ่งชี้ว่า “แรงงาน”มิใช่ทิศทาง
ถามว่าจากกระทรวงพาณิชย์มายังกระทรวงเกษตรและสหกรณ์สะท้อนนัยยะอะไรในทางการเมือง
คำตอบ 1 สะท้อนว่ามีความสำคัญ
เพราะกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นกระทรวงใหญ่เมื่อนำไปเทียบกับกระทรวงพาณิชย์
แสดงว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไว้วางใจ
คำตอบ 1 สะท้อนว่าสายสัมพันธ์ระหว่าง พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีความแนบแน่น
ไม่เพียงเพราะเป็นนักเรียนทหาร”รุ่น”เดียวกัน
หากแต่ยังได้รับความเชื่อมั่นเป็นอย่างสูงว่าจะทำงานให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ และได้รับการปกป้องและคุ้มครองมาตลอด
คุ้มครองในสถานะอันเป็น”นขต.”
หากอ่าน”ใจ”ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่มีทางที่ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ จะไปอยู่กระทรวงแรงงาน
แนวโน้มและความเป็นไปได้จึงมี 2 ทาง
ทาง 1 คือ ดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ต่อไปเช่นเดิม
ทาง 1 คือ ดำรงตำแหน่งเป็น “รองนายกรัฐมนตรี”
เหมือนกับ พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฎิมาประกร
เราจะทำตาม”สัญญา” ขอ”เวลา”อีกไม่นาน