การออกมาเน้นย้ำของนายกรัฐมนตรีอันเกี่ยวกับบทบาท ความสำคัญของพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
ทั้งใน ที่ประชุมครม.และหลังการประชุมครม.
“ผมไม่ต้องการรังแกใคร นักการเมืองก็อย่าทำ ทุกคนทุกพวก ถ้าทำให้ประเทศเสียหายต้องโดนฟ้องกันบ้าง ไม่อย่างนั้นผมก็ไม่มีอะไรจะทำให้สงบได้”
ประเด็นสำคัญเป็นอย่างมากอยู่ที่ข้อเสนอจากหลายฝ่ายที่ว่า
“ทำไมรัฐบาลไม่ใช้กฎหมายคอมพิวเตอร์เพื่อไม่ให้สร้างความเกลียดชังไปเรื่อยๆ และจะเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้งได้อย่าง ไร”
“ไคลแม็กซ์” ของเรื่อง คือ ความสงบ คือ การเลือกตั้ง
จากนี้จึงเห็นได้ว่า การที่คสช.ยังไม่ยินยอมให้ “ปลดล็อก”พรรคการเมือง การที่วาระแห่งการเลือกตั้งยังไม่แน่นอน
มาจากปัญหาในเรื่อง “ความสงบ”
คสช.และรัฐบาลเห็นตรงกันว่า สภาพการณ์ทางสังคมในขณะนี้ยังไม่ได้บรรลุ “ความสงบ”ในทางเป็นจริง
ยังมีความจำเป็นต้องใช้ “กฎหมายพิเศษ”
แม้จะมีรัฐธรรมนูญ แม้จะมีพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองแต่ก็ไม่สามารถบังคับใช้ได้ “ร้อยละร้อย”
ก็เพราะว่า “ความสงบ” ยังไม่บังเกิดอย่างเป็นจริง
ตรงนี้เองจึงไม่เพียงแต่คำสั่งหัวหน้าคสช.ไม่ให้พรรคการเมืองทำกิจกรรม จึงจำเป็นต้องมีอยู่ และจำเป็นต้องทำให้กฎหมายคอมพิวเตอร์ซึ่งมีอยู่เดิมมีการปฏิบัติอย่างเข็มข้น
หาก “สงบ”เมื่อใดการปลดล็อกย่อมต้องเกิดขึ้น
ความแข็งขันของนายกรัฐมนตรีผ่านกฎหมายคอมพิวเตอร์เมื่อประสานเข้ากับการไม่ปลดล็อกพรรคการเมือง
ผลก็คือ ความไม่สงบยังดำรงอยู่
ผลก็คือ ความไม่สงบตามนิยามนี้มีมูลเชื้อมาจากบทบาท และการเคลื่อนไหวของนักการเมือง
จึงไม่ยินยอมให้ “ปลดล็อก”พรรคการเมือง
ผลก็คือ ความไม่แน่นอนของ “การเลือกตั้ง”ก็ยังคาราคาซังแม้ว่าจะยืนยันว่าจะทำตาม “โรดแมป”
ความไม่แน่นอนของ “การเลือกตั้ง”จึงสำคัญ