คําชี้แจงของกองทัพกรณีพ่อแม่ของนาย ภคพงศ์ ตัญกาญจน์ นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 ร้องเรียนที่ได้รับศพลูกในสภาพอวัยวะภายในหายไป ว่าเกิดจากความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน พร้อมยืนยันสาเหตุการตายโดยธรรมชาติ
สาเหตุที่อวัยวะภายในหายไปเนื่องจากแพทย์นำไปชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิตและเพื่อใช้ประกอบการสอบสวน ซึ่งสรุปว่านักเรียนเตรียมทหารเสียชีวิตด้วยอาการภาวะหัวใจล้มเหลว
แต่พ่อแม่กลับไม่ได้รับแจ้งและไม่ได้รับคำอธิบายนี้ตั้งแต่แรก ทั้งที่เป็นเรื่องสำคัญสำหรับครอบครัว
ความที่ไม่ได้เปิดเผยให้ชัดเจนก่อนหน้านี้เองที่เกิดความคลางแคลงใจ ไม่เฉพาะกับพ่อแม่ญาติพี่น้อง แต่ขยายไปถึงคนในสังคม
ในช่วงเวลาที่พ่อแม่นักเรียนเตรียมทหารไม่ได้รับคำชี้แจงที่ชัดเจน เมื่อพิจารณาร่วมกับข้อมูลเดิมที่ลูกเคยถูกลงโทษทางวินัยจนหยุดหายใจไปช่วงหนึ่ง ยิ่งทำให้เกิดข้อสงสัยว่า เหตุใดหนุ่มอายุ 19 ปีที่เคยผ่านการตรวจร่างกายจนเข้าเรียนเตรียมทหารได้จึงเกิดภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน
การที่แพทย์พบเซลล์บางตัวผิดปกติสำหรับคนอายุ 19 ยิ่งควรต้องอธิบายอย่างละเอียดกับครอบครัว และควรทำตั้งแต่ก่อนเกิดการร้องเรียน
ยิ่งก่อนหน้านี้มีเหตุการณ์ญาติร้องเรียนให้สอบสวนการเสียชีวิตของพลทหาร ทั้งกรณี พลทหารนพดล วร กิจพันธ์ อายุ 21 ปี ประจำการ มทบ.45 จ.สุราษฎร์ธานี และกรณีพลทหารวิเชียร เผือกสม อายุ 26 ปี ที่ จ.นราธิวาสมาแล้ว
จึงควรระมัดระวังอย่างยิ่ง
จากทั้งสามกรณีที่เกิดขึ้นกับครอบครัวทหารล้วนเป็นเรื่องที่น่าเสียใจ และย่อมไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น
แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้ว จำเป็นอย่างยิ่งที่กองทัพต้องให้ข้อมูลที่โปร่งใส ชัดเจน และแสดงถึงความใส่ใจต่อทุกกำลังพลอย่างเท่าเทียมกัน
กรณีการเสียชีวิตของนายทหารชั้นผู้น้อยแต่ละนายไม่ได้มีความหมายเพียงกำลังพล 1 นาย หากยังรวมถึงสภาพจิตใจและปัจจัยแวดล้อม อื่นๆ ของครอบครัวผู้สูญเสีย
เช่นเดียวกับชีวิตของพลเรือนที่เกี่ยวข้องกับปฏิบัติการทางทหาร ควรได้รับความใส่ใจและ รับผิดชอบ
เพราะทุกชีวิตนั้นมีคนที่รักและห่วงใยอยู่เบื้องหลัง