คําแถลงของตัวแทนจากคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญก็ดี ไปจนกระทั่งจาก เจ้าหน้าที่ระดับสูงของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ก็ดีที่ว่า

ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป โอกาสที่พรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งได้รับคะแนนเสียงเกินกว่าจำนวนกึ่งหนึ่งของสภาเป็นไปได้ยาก

เพราะกติกาในการเลือกตั้งออกแบบมาให้เป็นคุณกับพรรคขนาดกลางและขนาดเล็ก แต่ไม่เป็นคุณกับพรรคใหญ่

กระทั่งถึงข่าวล่าสุดที่ว่า จะให้ผู้สมัครส.ส. ทุกเขตแม้จะมาจากพรรคเดียวกัน จับเบอร์ แยกกันไปทั้ง 350 เขต

ยิ่งสะท้อนเจตนาของผู้มีอำนาจและผู้ร่างรัฐธรรมนูญชัดเจน

นั่นคือ ทำอย่างไรก็ได้ที่จะออกแบบกติกา ให้ลดทอนความแข็งแรงของระบบและพรรคการเมือง ซึ่งอีกนัยหนึ่งก็คือ เปิดโอกาสให้อำนาจนอกระบบการเลือกตั้ง สามารถเข้าไปแทรกแซงความเป็นไปทางการเมืองได้ง่ายขึ้น

การใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียว เลือกทั้งส.ส.เขต และส.ส.บัญชีรายชื่อก็ดี การคำนวณคะแนนแบบที่เอื้อให้พรรคขนาดเล็กมีโอกาสได้ส.ส.มากขึ้น ในขณะที่พรรคใหญ่ได้ส.ส.ลดลงก็ดี

มาจนกระทั่งถึงการกระจายเบอร์เลือกตั้งทั้ง 350 เขตให้แต่ละพรรคแตกต่างกันออกไปก็ดี

ไม่สามารถแปลเจตนาเป็นอื่นไปได้ นอกจากความหมายข้างต้น

แต่สิ่งที่ผู้มีอำนาจและผู้ยกร่างรัฐธรรมนูญอาจจะไม่ใส่ใจ หรือให้ความสำคัญน้อยเกินไปก็คือ

การเลือกตั้งนั้นเป็นช่องทางในการแสดงออกถึงความต้องการและเจตจำนงของประชาชน ด้วยวิธีการสันติและเป็นอารยะที่สุด

หากแม้แต่กระทั่งช่องทางอันเป็นสิทธิพื้นฐาน เบื้องต้นที่สุดเช่นนี้ ยังถูกบิดเบือนหรือบิดเบี้ยวด้วยกติกาที่ไม่เป็นธรรม เพื่อธำรงรักษาอำนาจนอกระบบที่ไม่เคารพเจตนารมณ์ของประชาชนเอาไว้

ถามว่าสภาวะเช่นนี้จะนำพาสังคมไทยไปสู่อะไร จะทำให้เกิดความปรองดองขึ้นมาได้จริงดังคำโฆษณา

หรือว่ายิ่งจะทำให้การเผชิญหน้าและความขัดแย้งแหลมคมและรุนแรงยิ่งขึ้น

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน