ความจริงแล้ว ข้อเสนอในเรื่องพรรคเพื่อไทยกับพรรคประชาธิปัตย์อาจจำเป็นต้องจับมือกัน
เป็นข้อเสนอในทาง”ยุทธศาสตร์”
ไม่ว่าจะมาจาก นายพิชัย รัตตกุล ไม่ว่าจะมาจากบางคนใน พรรคเพื่อไทย ไม่ว่าจะมาจากบางคนในพรรคประชาธิปัตย์
แทบมิได้หวังผลในทางเป็นจริง
แต่พลันที่มีการนำ “ความคิด” นี้ขึ้นสู่ “สาธารณะ”ก็จะเกิดคำ ถามตามมามากมาย
เป็นคำถามไปถึง “สาเหตุ” อันทำให้เกิด “ปัญหา”
ที่สำคัญ คือ ปัญหาอันเป็นความขัดแย้งโดยพื้นฐานระหว่าง 2 พรรคการเมืองใหญ่
เป็นปัญหาเนื่องแต่ “รัฐประหาร”
เป็นความจริงที่ไม่มี “นักประชาธิปไตย” คนใดเห็นด้วยกับวิธีการ”รัฐประหาร”
แต่ประเทศไทยก็มี”รัฐประหาร”เกิดขึ้นมากมาย หลายครั้ง
และ 2 ครั้งหลังเป็นประเด็นเป็นปัญหาที่มีการถกแถลง อภิปราย กันอย่างกว้างขวาง
เพราะนี่คือตัว”ปัญหา”
แม้ว่ารัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 ได้รับการประเมินว่าเป็นรัฐประหาร”เสียของ”
แต่ก็ยังมีรัฐประหารอีกในเดือนพฤษภาคม 2557
ด้วยความหวังอย่างเต็มเปี่ยมว่าจะไม่นำไปสู่สภาวะ”เสียของ”อีก
กระนั้น ความรู้สึกว่า”เสียของ”ก็เริ่มกระหึ่ม
ไม่ว่าคำปฏิเสธอันมาจากพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าคำปฏิเสธอัน มาจากพรรคเพื่อไทย
เป็นสภาพที่คาดหมายกันอยู่แล้ว
ทั้งเหตุผลที่ว่าเร็วเกินไป ทั้งเหตผลที่ว่า 2 พรรคนี้อยู่คนละขั้วมาอย่างยาวนาน
แต่ถามว่ามีการมองประเด็น”รัฐประหาร”หรือไม่
แต่ถามว่ามีการค้นหาใครคือผู้ที่จะต้องรับผิดชอบกับความ ล้มเหลวทางการเมืองที่ต่อเนื่องมากว่า 1 ทศวรรษ ยังเป็นความผิดของ ไทยรักไทย พลังประชาชน เพื่อไทย อยู่อีกหรือไม่
หรือเริ่มเห็นแล้วว่าเป็นใคร