กระบวนการที่ให้ความหวังถึงการเลือกตั้งขยับไปอีกขั้นในสัปดาห์นี้
เมื่อมีราชกิจจานุเบกษาประกาศและระเบียบของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เกี่ยวกับพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 รวม 8 ฉบับ เริ่มบังคับใช้แล้วตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.
เนื้อหาของกฎหมายกำหนดวิธีการจัดการและดำเนินการพรรคการเมืองทั้งเรื่องคนและเรื่องเงินที่จะเป็นงานของนักการเมืองและกลุ่มผู้สนับสนุนต่อไป
ในขณะที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติเห็นชอบในหลักการร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแล้วตามที่คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญเสนอมา
อันเป็นกระบวนการที่ยังคงจำกัดผู้เกี่ยวข้องและห่างไกลกับการมีส่วนร่วมของประชาชนเช่นเดิม
คําอธิบายที่มาจากผู้ร่างกฎหมายถึงภาพรวมของร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่า เป็นครั้งแรกที่ กรธ.เชิญเจ้าหน้าที่กกต.มาร่วมพิจารณากันตั้งแต่ต้นเพื่อให้การเลือกตั้งส.ส.เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม
โดยเฉพาะมีข้อกำหนดให้เบอร์ผู้สมัครรับเลือกตั้งส.ส.ของพรรคการเมืองในแต่ละเขตเลือกตั้งไม่ซ้ำกัน มุ่งหวังให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งเป็นคะแนนเสียงที่มีความสำคัญและผู้เลือกตั้งต้องดูทั้งพรรคและบุคคล
มิให้เน้นความสะดวกสบายให้ทุกพรรคมีเบอร์เดียวกันทั้งประเทศเหมือนในอดีต
การเปลี่ยนแปลงด้วยความหวังดีครั้งนี้เป็นอีกขั้นตอนเช่นกันที่ไม่ได้ถามประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งว่าต้องการลักษณะนี้หรือไม่อย่างไร
แม้ผู้ร่างเปรียบเทียบกับการเลือกตั้งของ ประเทศอื่นๆ ว่าผู้ลงรับสมัครล้วนไม่ได้ใช้เบอร์เดียวกัน จึงถึงเวลาผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งในประเทศไทยต้องมุ่งมั่นทำความเข้าใจกับการเลือกตั้งครั้งใหม่นี้อย่างจริงจัง
ส่วนพรรคต้องเลือกคนที่ประชาชนในพื้นที่รับรู้ และพอใจมาลงสมัคร รวมถึงตั้งเกณฑ์คะแนนไว้ว่าผู้ลงรับสมัครจะต้องได้คะแนนมากกว่าจำนวนไม่เลือกใครเลย
กติกาอันซับซ้อนหลายชั้นนี้ถูกระบุว่าเพื่อเพิ่มทางเลือกให้ประชาชน
แต่แปลกตรงที่ว่าไม่ได้ให้ประชาชนมีส่วนร่วมแต่อย่างใดเลย