กรณี นายมุสตาร์ซีดีน วาบา หรือ “แบมุส” แกนนำกลุ่มค้านโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา ที่ตกเป็นข่าวว่าหายตัวไป หลังถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมระหว่างการปะทะกับชาวบ้านเทพา ต่อมา พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด หรือ “ไก่อู” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “เดินหน้าประเทศไทย” ตอนหนึ่งว่า ทหารและตำรวจไม่ได้จับตัวไป แต่ท่านไม่ได้กลับบ้าน มีคนตั้งข้อสังเกตว่า อาจจะเหมือนที่สะบ้าย้อย ที่ตอนแรกคิดว่าถูกจับตัวไป แต่ปรากฏว่าหนีไปเที่ยวกับผู้หญิงที่ไม่ใช่ครอบครัวที่สตูล “อันนี้ตั้งข้อสังเกต ผมไม่ได้ว่าคุณแบมุสนะ ผมไม่ได้ว่า” ทำให้ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง

ล่าสุดเมื่อวันที่ 30 พ.ย. แบมุส ได้พบกับครอบครัว อ.สุไรนี สายนุ้ย ภรรยาพร้อมลูก 2 คน เพื่อเดินทางกลับบ้านแล้ว ได้เปิดใจว่า หลังเกิดเหตุตนได้หลบไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยมาเพียงคนเดียว โดยการช่วยเหลือของพี่น้อง ยืนยันว่าไม่ได้หายไปกับผู้หญิงเหมือนที่มีการตั้งข้อสังเกตไว้อย่างแน่นอน จึงอยากขอความเป็นธรรมให้กับครอบครัวด้วย

แบมุส เปิดเผยว่า ดีใจที่ได้เจอกับครอบครัว ที่ผ่านมา หลังเกิดเหตุเมื่อ 27 พ.ย.ได้หายไปอยู่ในที่ปลอดภัย เหตุที่ออกไปเพราะถูกทำร้าย จึงต้องไปหาที่ปลอดภัยและโทรศัพท์มือถือหาย จึงต้องไปหาร้านคอม เพื่อใช้เนตเปิดเฟสบุ๊ค และส่งข่าวบอกครอบครัวว่าปลอดภัย จึงยืนยันว่าไม่ได้หายไปอยู่ผู้หญิงอย่างที่ตั้งข้อสงสัย

แบมุส ชี้แจงถึงภาพข่าวที่ถูกตำรวจจับตัวหิ้วปีกเหมือนถูกจับกุมแล้วแบมุสหายไปจากที่เกิดเหตุได้อย่างไร ว่า “เหตุการณ์ตอนนั้น พวกเรามาถึงที่หน้ามหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา มีเจ้าหน้าที่มาขวาง พวกราจึงหยุดประชุมกันว่าจะทำยังไง พี่น้องบอกจะเดินไปนอนรอ จากนั้นผมก็โดนหิ้ว และโทรศัพท์หายไปตอนที่เกิดปะทะ ไม่รู้ว่าโดนเตะตรงไหนบ้าง แต่มารู้สึกเจ็บที่เข่า จึงบอกเจ้าหน้าที่ว่าเจ็บ เดินไม่ไหว เจ้าหน้าที่จึงปล่อยตัว แล้วผมจึงไปหาพี่น้องที่ไปกินข้าวที่ รพ.จิตเวชสงขลา ซึ่งผมตามมาเป็นคนสุดท้ายแล้ว นั่งรถพี่น้องคนหนึ่งมาที่เจอกันที่ทานข้าว”

ส่วนที่หายไปก่อนเกิดปะทะรอบสอง แบมุสเล่าว่า “ เมื่อมาถึงที่ทานข้าว และหลัง อ.ดิเรกให้สัมภาษณ์ ผมก็ยืนอยู่ข้างหลังก็พยายามคิดว่าจะทำอย่างไรกัน ผมอยากให้พี่น้องได้ละหมาด แต่ตอนนั้นผมเห็นตำรวจมาเยอะมาก ผมได้ยินเจ้าหน้าที่พูดกัน จึงคิดว่าเราต้องไปแล้ว พวกเขามากันแล้ว ตำรวจมีรถผู้ต้องขัง เขามากันเยอะมาก ได้ยินเจ้าหน้าที่บอกว่า จับให้หมด ผมจึงคิดว่าต้อวหาที่ปลอดภัย

แบมุส เปิดเผยว่าการที่ไม่แสดงตัว เพราะก่อนหน้านี้มีข่าวเยอะมาก จึงต้องอยู่ในที่ปลอดภัย ส่วนการมาร่วมเดินเทใจให้เทพา เพราะติดตามข่าวจากสื่อว่ามีการคัดค้านการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา จึงมาร่วมตั้งแต่ปี 2558 เพื่อร่วมปกป้องชุมชนและสิ่งแวดล้อม เพราะส่วนตัวทำงานร่วมกันเครือข่ายประชาชนปกปัองสิ่งแวดล้อมและสันติภาพ และได้ฟังจากนักวิชาการว่า ถ่านหินจะมีผลกระทบเยอะมาก ไม่คุ้มจะเอาสิ่งดีๆที่มีเช่นอ่าวปัตตานีไปสร้างโรงไฟฟ้า จึงฝากไปถึงพี่น้องทุกคนร่วมเดิน จะทำงานกันต่อไปเพื่อปกป้องสิ่งแวดล้อม

สำหรับแบมุส หรือ นายมุสตารซีดีน วาบา เป็นครูโรงเรียนดรุณศาสน์วิทยา อ.สายบุรี จ.ปัตตานี มาร่วมกับเครือข่ายคัดค้านสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา เพราะสนใจการปกป้องสิ่งแวดล้อมเพื่อชุมชน และร่วมเดินเทใจให้เทพาตั้งแต่วันที่ 25 พ.ย.

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน