การหยิบเอานามของ”แบมุส”ออกมาเป็นส่วนหนึ่งของปฏิบัติการข่าว หรือ IO หลังกรณี”เทพา” ไม่แน่ใจว่า “ฉลาด” หรือไม่
เพราะความพยายามที่จะโยงเอากรณี”สะบ้าย้อย”เข้ามาพัฒนาและขยายเข้าไปยังกรณี”แบมุส” อาจสะท้อนว่าเป็นความฉลาดแต่ก็ขาดความ”เฉลียว” แทนที่จะทำให้การเคลื่อนไหวของ”เครือข่ายคนสงขลา-ปัตตานีไม่เอาโรงไฟฟ้าถ่านหิน” ต้องขลุกขลักหรือเปรอะเปื้อนไปด้วย มลทิน
กลับจะกลายเป็นการทำให้ภาพของ”แบมุส”งดงาม สดใส น่ายกย่อง รักลูก รักเมีย รักเด็ก มั่นในอุดมการณ์
เจตนาของการหยิบยกเอาการหายตัวไปของ”แบมุส”มาขยายโดยโยงไปยังกรณี”สะบ้าย้อย”
ต้องการทำให้”ด้อยค่า”หรือ”ดิสเครดิต”แน่นอน
แต่พลันที่ นายเอกรินทร์ ต่วนศิริ และ นางสุไรบี สายนุ้ย ออกมาพูดถึง “แบมุส”
เสียงที่ดังมาจาก”โฆษก”ก็พังครืน
พังครืนเหมือนกับปราสาททรายต้อง”คลื่น”อย่างฉับพลันทันใด
“แบมุสอาจไม่ใช่สามีที่ดีที่สุด แต่ไม่ได้เลวอย่างที่ถูกกล่าวหา”
เรียบๆ นิ่มๆจาก “ภรรยา”
ปฏิบัติการข่าวสารหรือ IO ที่พุ่งเป้าเข้าใส่”แบมุส”อาจอาศัยผลพวงจากกรณี”สะบ้าย้อย” อาจเพื่อ “ด้อยค่า” ของอีกฝ่าย
แต่ผลสะเทือนอันตามมามิได้จำกัดกรอบแต่เพียงเรื่องภายในครอบครัวของ”แบมุส” หากแต่โยงยาวไปในความละเอียด อ่อนทางด้านศาสนาและความเชื่อ
รวมถึงสถานะและความเป็นจริงที่”แบมุส”เป็นครูสอนศาสนาใน “ปอเนาะ” มีลูกศิษย์ ลูกหามากมาย ผลสะเทือนนี้ลึกซึ้ง กว้างไกล
ผลสะเทือนนี้จะติดตรึงกับบทบาทและการเคลื่อนไหวของท่าน”โฆษก”ไปอีกยาวนาน
แต่ผลสะเทือนจะกลายเป็น”บทเรียน”หรือไม่ ยังต้องคอย