หากมองจากมุมของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หากมองจากมุม ของ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล เหมือนกับคำว่า “จัดฉาก”ต่อกรณีการตรวจจับอาวุธสงคราม
จะมาจากบทสรุปของ “สื่อ”
กระนั้น หากคำนึงถึงรากฐานของสื่อว่ามาจากคำเต็มที่ว่า “สื่อมวลชน” หรือ Mass Media
ก็จะเข้าใจ
และยิ่งหากสืบสาวกรณีนี้อย่างเจาะลงไปในรายละเอียดและ
ความพยายามในการขยายผล
ก็จะยิ่งเข้าใจ
เข้าใจว่าทำไมถูกมองว่า “จัดฉาก” ทำไมจึงมีความเชื่อมั่นลด
น้อยลงเป็นลำดับ
ปัจจัย 1 เป็นเรื่องของเงื่อนแห่ง “เวลา” เมื่อประสานเข้ากับเงื่อนแห่ง “สถานที่”ก็ทำให้เกิดความสงสัย
หากนับจากปี 2557 มาถึง 2560 ก็ 3 ปี
ยิ่งหากลุยลงไปในพื้นที่กลางทุ่งนา อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา
ยิ่งชวนให้นึกถึงกรณี “เพชรซาอุ”
คงจำกันได้ว่า มีการปล่อยเพชรไว้ในหลายที่หลายแห่งแล้วเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ตามไปเก็บ
ปัจจัย 1 คือการขยายผลจาก “อาวุธ”
เป็นการขยายไปยัง นายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ หรือ “โกตี๋” ชวนให้กังขาอยู่แล้ว พลันที่ปรากฏอีก 4 ชื่อตามมายิ่งมากด้วยเงื่อนงำ
เพราะล้วนเป็น “เจ้าเก่า”คนหน้าเดิม
คนหน้าเดิมที่ล่องหนไปตั้งแต่หลังเดือนพฤษภาคม 2557
กระนั้น ความพยายามขยายผลโดยโยงไปถึงมาตรการ “ปลดล็อก” พรรคการเมือง
ยิ่งก่อให้เกิดอาการงุนงง สงกา
จึงไม่แปลกที่ไม่ว่าจะเป็นพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าจะเป็นพรรคชาติไทยพัฒนา ล้วนเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม
เมื่อเป็นเรื่องของพวกสะสม “อาวุธ”ก็จัดการไปสิ
แล้วทำไมจะต้องมาให้พรรคการเมืองอย่างพรรคการเมืองแบกรับกรรมไปด้วย
เลยมอง “อาวุธ”ว่าเป็นเครื่องมือ “การเมือง”