กระบวนการสรรหาตัวบุคคลที่จะประกอบกันเข้าเป็นคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ชุดใหม่ผ่านไปโดยราบรื่น

แม้จะมีเสียงวิจารณ์ว่าคุณสมบัติที่กฎหมายระบุไว้ สำหรับกรรมการสรรหาและตัวบุคคลที่จะเข้ามาเป็นกกต. นั้นอยู่ในระดับ”มหาเทพ”

แต่ในที่สุดกระบวนการดังกล่าวก็ดำเนินการไปลุล่วงตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย

ซึ่งเมื่อประกอบเข้ากับความคืบหน้าในการจัดทำกฎหมายลูกต่างๆ ตามกรอบเวลาที่รัฐธรรมนูญกำหนดแล้ว ย่อมหมายถึงว่าการเลือกตั้งทั่วไปครั้งใหม่จะเกิดขึ้นในเวลาอันไม่ช้า

หรืออย่างน้อยก็ควรจะต้องเป็นไปตาม “โรดแม็ป” และคำประกาศของนายกรัฐมนตรี

อย่างไรก็ตาม ในอีกด้านหนึ่ง รัฐบาลและคสช.กลับยังไม่เปลี่ยนแปลงคำสั่งที่ห้ามมิให้พรรคการเมืองดำเนินกิจกรรมทางการเมือง หรือที่คนทั่วไปเรียกว่า “ปลดล็อก”

ซึ่งอาจจะทำให้เกิดปัญหาทั้งในทางกฎหมายและในชีวิตจริง

เพราะตามพระราชบัญญัติพรรคการเมืองนั้นมีข้อกำหนดให้พรรคการเมืองต่างๆ “ต้อง” ดำเนินการหลายอย่างตามระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด

แต่เมื่อพรรคการเมืองยังไม่สามารถดำเนินกิจกรรมทางการเมือง เพราะมีกฎหมายอื่นซ้อนทับอยู่ โอกาสที่จะเกิดความขัดแย้งในตัวเองเพราะกฎหมายสองฉบับขัดกันย่อมเป็นไปได้สูง

และกระบวนการสะสางเรื่องดังกล่าวจะยิ่งทำให้การเลือกตั้งเลื่อนเวลาออกไป

นอกจากนั้น ยังมีการอ้างเหตุอันเนื่องจากการจับกุมอาวุธสงคราม ว่าอาจจะทำให้เกิดความไม่สงบ จนกระทั่งไม่สามารถปลดล็อกทางการเมืองได้

ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกันเลยแม้แต่น้อย

ซ้ำร้ายไปกว่านั้นก็คือ การเลือกตั้งนั้นเป็น กระบวนการแสดงเจตนารมณ์ของประชาชนด้วยหนทางสงบสันติ และเป็นที่ยอมรับกันอยู่ในสากลโลก

ความพยายามในการเตะถ่วงหรือขัดขวางการเลือกตั้งต่างหากที่ก่อให้เกิดปัญหา และจะยิ่งนำพาสังคมไปสู่ความขัดแย้ง ดังตัวอย่าง ที่เพิ่งปรากฏหมาดๆ เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา

รัฐบาลและคสช.จึงไม่ควรทำอะไรที่ย้อนแย้ง

และสร้างปัญหาให้กับสังคม

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน