หากถือว่าการตัดสินใจยื่นใบลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงแรงงานของ พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล
เป็นการ”แตก”จากภายใน
เพราะความไม่พอใจของ พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล มีมูลฐานมาจากการใช้ “มาตรา 44″ ในการโยกย้ายอธิบดีภายในกระทรวงแรงงาน
โดยที่ 1 การแต่งตั้งอธิบดีเป็นข้อเสนอของรัฐมนตรีและผ่าน
การอนุมัติเห็นชอบโดยมติครม.
โดยที่ 1 การใช้มาตรา 44 มิได้ผ่านการหารือกันก่อน
ปรากฏการณ์อันสะท้อนผ่านข้อเสนอให้มีการแก้ไขเพิ่มเติมพรป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 เป็นอีกกรณีหนึ่ง
เพียงแต่สะท้อนออกผ่าน”ประชาธิปัตย์”
บทบาทของ นายไพบูลย์ นิติตะวัน อาจไม่สะเทือนใจเท่าใดนักหากเปรียบเทียบกับบทบาทของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ
แม้จะมี”เป้าหมาย”เดียวกัน
นั่นก็คือ นำไปสู่”การรีเซต”ล้างพรรคการเมืองเก่าภายใต้ข้ออ้างเพื่อความเสมอภาค เท่าเทียมกัน
พรรคการเมืองเก่าย่อมมี”ประชาธิปัตย์”รวมอยู่ด้วย
ข้อเสนอของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ จึงดำเนินไปในทิศทาง
เดียวกันกับข้อเสนอของ นายไพบูลย์ นิติตะวัน โดยอัตโนมัติ
ทาง 1 จึงก่ออาการ “นะจังงัง”
นะจังงังจาก นายถาวร เสนเนียม นะจังงังจาก นายวิทยา แก้วภราดัย นะจังงังจาก นายสาธิต วงศ์หนองเคย
ทาง 1 จึงก่ออาการ”หุดหิด”โดยพร้อมเพรียงกัน
เหมือนกับเป้าหมายอันมาจาก”ข้อเสนอ”จะมุ่งไปยังระบอบทักษิณ คือ พรรคเพื่อไทย
แต่ที่เสียหายสุดๆ คือ พรรคประชาธิปัตย์
เราจึงสัมผัสได้ในความร้อนแรงจาก นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ นายนิพิฎฐ์ อินทรสมบัติ
เท่ากับ “ผีไม่เผา เงาไม่เหยียบ”
น่าสนใจก็ตรงที่ทั้ง นายชวน หลีกภัย และ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยังสงบนิ่งอยู่ในที่ตั้งแม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าปฏิบัติการเที่ยวล่าสุดของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ
เท่ากับเผา”ประชาธิปัตย์”ให้วอด