ในรอบปี 2560 มีสถานการณ์การเมืองเกิดขึ้นมากมาย ล้วนอยู่ในความสนใจของสังคม หลายเรื่องมีผลสะเทือนไปยังฝ่ายที่เกี่ยวข้อง หลายเรื่องเป็นปมร้อนที่ยังต้องจับตาว่าจะดำเนินต่อไปอย่างไรในปีหน้า

สรุปเรื่องที่โดดเด่น ดังนี้

 

โปรดเกล้าฯ รัฐธรรมนูญฉบับ 20

เมื่อวันที่ 6 เม.ย.60 เวลา 15.00 น.สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เสด็จออก ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม ทรงยืนหน้าพระราชอาสน์หน้าพระที่นั่งพุดตานกาญจนสิงหาสน์ภายใต้นพปฎลมหาเศวตฉัตร ในพิธีพระราชทานรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ลงวันที่ 1 เม.ย. 2560

ภายหลังพิธีพระราชทานรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้แถลงผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ในเวลา 20.00 น.ว่า

รัฐธรรมนูญฉบับใหม่นี้ ถือเป็นฉบับที่ 20 ในประวัติการเมือง 85 ปีของไทย และเป็นรัฐธรรมนูญที่ได้รับความเห็นชอบในการออกเสียงประชามติถึง 16 ล้านเสียงเศษ คิดเป็นร้อยละ 61.35 จากจำนวนผู้มาใช้สิทธิออกเสียงประมาณ 30 ล้านคน หรือร้อยละ 60 ของผู้มีสิทธิทั้งหมด

โดยหลังจากนี้รัฐบาล และ คสช.จะยังคงปฏิบัติหน้าที่ตามปกติภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ รวมถึงบรรดาประกาศและคำสั่งของ คสช. หรือหัวหน้า คสช. ที่ออกไปแล้วยังคงมีผลใช้บังคับ

และอำนาจตามมาตรา 44 ยังคงมีอยู่ ซึ่งจะใช้ภายใต้หลักเกณฑ์เดิม

 

7 สนช.โดดร่มบ่อย

เป็นข่าวฮอตทันทีเมื่อโครงการอินเตอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (ไอลอว์) เปิดผลสำรวจเมื่อ 5 ก.พ. เกี่ยวกับการเข้าประชุมของสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)

พบว่า ตามข้อบังคับกำหนดให้สมาชิกต้องมาลงมติอย่างน้อย 1 ใน 3 ของทุกรอบ 90 วัน แต่พบสมาชิกอย่างน้อย 7 คน ที่ขาดประชุมเป็นประจำ จนอาจเป็นเหตุให้สิ้นสภาพการเป็นสมาชิกสนช. เว้นแต่ได้ยื่นใบลาต่อประธานสภา

แต่เมื่อขอข้อมูลการยื่นใบลากลับพบว่า “ข้อมูลดังกล่าวเป็นความลับ”

สนช. 7 คนที่ถูกระบุถึงได้แก่ พล.ร.อ.พัลลภ ตมิศานนท์ อดีตเสนาธิการทหารเรือ นายสมศักดิ์ โชติรัตนะศิริ ผอ.สำนักงบประมาณ นายดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาธิการกฤษฎีกา นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.อ.จอม รุ่งสว่าง ผบ.ทอ. และพล.ร.อ.ณะ อารีนิจ อดีตผบ.ทร.

แม้นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช. ยอมรับ 7 สนช.ลาประชุมจริง แต่ยืนยันไม่ขาดสมาชิกภาพ เพราะส่งใบลาตามข้อบังคับครบทุกครั้ง

ขณะที่สนช.รับลูกเสียงวิจารณ์ด้วยการตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาตรวจสอบจริยธรรม มีร.ต.ต.พงษ์นิวัฒน์ ยุทธภัณฑ์บริภาร เป็นประธาน

14 มิ.ย.ผลสรุปไม่ผิดจริยธรรม-ส่งใบลาถูกต้อง

ถัดมาไม่กี่วัน สนช.ยังแก้ระเบียบโดยตัดกฎดังกล่าวทิ้งไป

 

คดีสลายม็อบพธม.-นปช.

2 ส.ค. ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองยกฟ้องนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตรองนายกฯ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีตผบ.ตร. และพล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว อดีตผบช.น. จำเลยที่ 1-4

ในคดีสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ที่ปิดล้อมรัฐสภาเพื่อไม่ให้ครม. ส.ส. และส.ว. เข้ารับฟังการแถลงนโยบายของรัฐบาลนายสมชาย เมื่อ 7 ต.ค.51 เป็นเหตุให้ผู้ชุมนุมได้รับบาดเจ็บ 471 รายและถึงแก่ความตาย 2 ราย

โดยพิพากษายกฟ้อง เพราะไม่มีเจตนาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไปทำร้ายผู้ชุมนุมให้ได้รับอันตรายแก่กายและเสียชีวิต

31 ส.ค. ศาลฎีกาฯ ยกฟ้อง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกฯ ในคดีสลายม็อบนปช.เมื่อปี’53 ที่เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 99 ราย และบาดเจ็บนับพันคน

โดยศาลฎีกาฯ พิพากษายืนยกฟ้องตามศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ที่ไม่รับสำนวนคดีไว้พิจารณา เนื่องจากคดีไม่อยู่ในเขตอำนาจศาลอาญาแล้ว คดีถือเป็นที่สุด

คดีดังกล่าวต้องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ดำเนินการไต่สวน รวบรวมพยานหลักฐานและยื่นฟ้องคดีต่อศาลฎีกาฯมิใช่ดีเอสไอ สรุปสำนวนส่งอัยการคดีพิเศษ ยื่นฟ้องต่อศาลอาญา

นปช.จึงยื่นหนังสือจี้ป.ป.ช.รื้อคดีที่เคยตีตกเมื่อปี’58

แต่ยังไม่เป็นผล

 

คดีจำนำข้าว-จีทูจี

25 ส.ค. เป็นเรื่องพลิกความคาดหมาย เมื่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ไม่มาศาลตามที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดฟังคำพิพากษาคดีรับจำนำข้าว ที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐกว่า 5 แสนล้านบาท

ทนายความได้ยื่นคำร้องต่อศาลขอเลื่อนนัดการพิจารณาคดี อ้างว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ มีอาการน้ำในหูไม่เท่ากัน

องค์คณะผู้พิพากษาเห็นว่ามีพฤติการณ์หลบหนี จึงมีคำสั่งให้ออกหมายจับ ปรับนายประกันเต็มจำนวน 30 ล้านบาท

สะพัดว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์หลบหนีไปต่างประเทศตั้งแต่ 23 ส.ค. และ 11 ก.ย.บินไปอังกฤษ

27 ก.ย.ศาลฎีกาฯอ่านคำพิพากษาลับหลังจำเลย ตัดสินว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ มีความผิดให้จำคุกเป็นเวลา 5 ปี ไม่รอลงอาญา

วันเดียวกัน ศาลฎีกาฯ พิพากษาคดีระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี)

โดยให้จำคุกนายภูมิ สาระผล อดีตรมช.พาณิชย์ 36 ปี นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรมว.พาณิชย์ 42 ปี นายมนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ 40 ปี นายทิฆัมพร นาทวรทัต อดีตผอ.สำนักการค้าข้าวต่างประเทศ และอดีตรองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ 32 ปี

นายอัครพงศ์ ช่วยเกลี้ยง หรือทีปวัชระ อดีตเลขานุการกรมการค้าต่างประเทศและอดีตผอ.สำนักการค้าข้าวต่างประเทศ 24 ปี นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร หรือเสี่ยเปี๋ยง 48 ปี

ส่วนจำเลยอื่นจำคุกลดหลั่นตามพฤติการณ์ โดยยกฟ้องจำเลยที่ 19 และจำเลยที่ 22 ถึง 28

ศาลไม่ให้ประกันตัว จำเลยนอนคุก

 

เส้นทาง‘ปู’หลบหนี

หลังจาก ‘ปู’น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หนีคดีรับจำนำข้าวไปต่างประเทศ มีข่าวหลายกระแสถึงเส้นทางหลบหนี

ไล่ตั้งแต่ 23 ส.ค. น.ส.ยิ่งลักษณ์ นั่งเบนซ์ออกจากบ้านย่านรามอินทรา พร้อมเลขาฯส่วนตัว ไปยังบ้านพักของ พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ อนุฤทธิ์ รอง ผบก.น.5 ที่หมู่บ้านชัยพฤกษ์ รามอินทรา

จากนั้น พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ ขับโตโยต้า คัมรี่ พาน.ส.ยิ่งลักษณ์ และเลขาฯมุ่งหน้าไปชายแดนอรัญประเทศ จ.สระแก้ว มีวงจรปิดจับภาพรถได้ แล้วมีรถกระบะมารับข้ามแดนไป

ส่วน พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ ขับรถคัมรี่กลับ กทม. ให้ ด.ต.พรพิพัฒน์ มากบุญงาม ผบ.หมู่ ฝอ.ภ.จว.นครปฐม ปฏิบัติราชการ กก. สส.ภ.จว.นครปฐม นำไปซ่อนในนครปฐม

กระทั่ง พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ พ.ต.ท.สามิตร ไชยอิ่นคำ สว.กก.สส.ภ.จว.นครปฐม และด.ต.พรพิพัฒน์ ถูกเด้งเข้ากรุ และถูกตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรง

ส่วน น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีข้อมูลว่า หลังข้ามแดนไปกัมพูชาแล้ว เดินทางไปยังดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ไปอยู่กับพี่แม้ว นายทักษิณ ชินวัตร และไปอังกฤษเมื่อ 11 ก.ย.

ถัดมา 17 ก.ย.มีภาพนายทักษิณพาหลานแฝดเที่ยวห้างอังกฤษ แต่ไร้เงา‘ปู’

ต่อมาสะพัดว่าอังกฤษให้สถานะ“ผู้ลี้ภัย” และต้นธ.ค.ลือว่าให้ “พาสปอร์ต” แต่กระทรวงบัวแก้วยืนยันไม่เป็นความจริง

ทุกวันนี้‘ปู’หนีไปไหน เลยยังอึมครึม!!

 

‘พี่ป้อม ซ่อมไม่ตาย’

ในฐานะ ‘บิ๊กป้อม’พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหม เป็น “พี่ใหญ่”ที่มีบารมีเบ่งบานสุดๆ จะขยับทำอะไรมักถูกจับจ้อง

ปีนี้เรื่องฮอตๆ เช่น การดันโครงการซื้อเรือดำน้ำจีนหยวนคลาส S26T จากจีน 1 ลำ จำนวน 13,500 ล้านบาทผ่านครม.แบบเงียบๆ

และหลัง ‘ปู’น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หนีคดีโครงการรับจำนำข้าว แว่วว่าไปอังกฤษ

บิ๊กป้อมก็บินไปอังกฤษช่วง 12-15 ก.ย. พร้อมกับมีภาพนายทักษิณ ชินวัตร โผล่ที่ลอนดอน แต่บิ๊กป้อมยืนยันไปงานราชการ ไม่ได้ไปพบใคร

ต่อมาเป็นกรณี นายภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือน้องเมย นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 เสียชีวิตจากอาการหัวใจวายเฉียบพลัน และครอบครัวติดใจถึงสาเหตุการเสียชีวิต จนกองทัพไทยตั้งคณะกรรมการสอบสวน สรุปว่าไม่ได้เสียชีวิตเพราะ “โดนซ่อม” หรือ “การธำรงวินัย” รุนแรง

พล.อ.ประวิตรให้สัมภาษณ์เมื่อ 21 พ.ย. เล่าประสบการณ์ว่า “ผมก็เคยโดนซ่อมจนเกินกำลังจะรับได้และสลบไปเหมือนกัน แต่ผมไม่ตาย”

สิ้นเสียงสัมภาษณ์ โลกออนไลน์ตั้งฉายาว่า “พี่ป้อม ซ่อมไม่ตาย” จนบิ๊กป้อมต้องออกมาขอโทษที่คำพูดกระทบกระเทือนครอบครัวน้องเมย

อีกเรื่องคือแหวนเพชร กับนาฬิกาหรูยี่ห้อริชาร์ด มิลล์ ที่บิ๊กป้อมยกมือขึ้นมาป้องแดด ระหว่างถ่ายภาพหมู่ครม.ประยุทธ์ 5 เมื่อ 4 ธ.ค. ซึ่งไม่ปรากฏในบัญชีแสดงทรัพย์สินกับป.ป.ช.

มีการอ้างแหล่งข่าวใกล้ชิดบิ๊กป้อมว่าเป็น “แหวนมารดา นาฬิกาเพื่อน”

สายลับโซเชี่ยลยังโชว์ภาพนาฬิกาหรู ของบิ๊กป้อมอีกหลายเรือน

ป.ป.ช.ส่งหนังสือเมื่อ 7 ธ.ค. ขอคำชี้แจงภายใน 30 วัน

จนบัดนี้บิ๊กป้อมยังนิ่งสงบสยบความเคลื่อนไหว

 

สปท.‘ป๋า’ตบเด็กเสิร์ฟ

ทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์ กรณี สปท.ตบเด็กเสิร์ฟ ฉุนโดนเรียก “ป๋า”

โดยวันที่ 13 มี.ค. นายชาตอลงกรณ์ นิลยาน บริกรในร้านอาหารเกร ฮาวด์ ห้างลาวิลล่า สาขาอารีย์ กรุงเทพฯ เข้าแจ้งความที่สน.บางซื่อว่าถูกนายอนุสรณ์ จิรพงศ์ สปท.ทำร้ายร่างกายเมื่อวันที่ 10 มี.ค.

นายอนุสรณ์อ้างว่าใช้มือเขกศีรษะพนักงานเพื่อตักเตือนเท่านั้น เพราะเรียกตนเองว่าป๋า

วันรุ่งขึ้นตำรวจได้เชิญคู่กรณีมาให้ปากคำ

นายอนุสรณ์ได้ขอโทษสังคมและนายชาตอลงกรณ์ อ้างว่าไม่ได้ตั้งใจ เคยบอกว่าไม่ให้เรียก “ป๋า” เพราะเป็นคำไม่สุภาพ การกระทำวันนั้น คิดว่าเป็นการหยอกล้อ ไม่คิดว่านายชาตอลงกรณ์จะรู้สึกน้อยใจและเสียใจ จนเกิดเป็นเรื่องใหญ่

ด้านพนักงานสอบสวนสรุปว่ามีหลักฐานทางการแพทย์ชี้ชัด จึงแจ้งข้อกล่าวหาว่า ทำร้ายร่างกายผู้อื่นไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายและจิตใจ มีโทษจำคุก 1 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท

ซึ่งพนักงานสอบสวนลงความเห็นให้ปรับสูงสุด 10,000 บาท และส่งสำนวนให้พนักงานอัยการพิจารณาต่อไป

ขณะที่คณะกรรมการสอบจริยธรรม สปท.สรุปผลสอบจริยธรรมแล้วยื่น สปท.ถกลับในวันที่ 24 เม.ย.

สรุปมีมติแค่ “ว่ากล่าวตักเตือน”

 

ครม.ผ่านเงียบซื้อเรือดำน้ำ

ครม.ไฟเขียวซื้อเรือดำน้ำจีนแบบเงียบๆ เมื่อ 18 เม.ย. ผู้เกี่ยวข้องต่างอ้างว่าเป็นเอกสารลับ “มุมแดง” ทุกรัฐบาลเขาไม่เปิดเผยกัน

แต่เรื่องแดงเมื่อ 24 เม.ย. เป็นการจัดซื้อเรือดำน้ำหยวนคลาส S26T จากประเทศจีน 1 ลำ มูลค่า 13,500 ล้านบาท

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหม นำโครงการดังกล่าวเข้าที่ประชุมครม. ภายหลังเดินทางกลับจากต่างประเทศ

ท่ามกลางกระแสวิจารณ์ถึงความเหมาะสม ‘บิ๊กตู่’ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯยืนยันการอนุมัติเป็นไปตามขั้นตอน ที่สำคัญไม่โกง-ไม่ซื้อของห่วย

ขณะที่กองทัพเรือมอบหมาย พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ เสนาธิการทหารเรือ ในฐานะประธานกรรมการบริหารโครงการจัดหาเรือดำน้ำ นำทีมผู้รับผิดชอบ 17 คนร่วมแถลงข่าวว่า

กองทัพเรือได้เสนอซื้อเรือดำน้ำมาทุกยุคทุกสมัยมากกว่ากึ่งศตวรรษ

เงินที่นำไปจัดซื้อเรือดำน้ำไม่ได้ไปเบียดบังจากกระทรวง ทบวง กรม หรืองบประมาณพิเศษอื่นๆ

ยืนยันทุกอย่างโปร่งใส ตรวจสอบได้ ไม่มีอะไรแอบแฝง

ก่อนสรุปว่า คณะกรรมการจัดหาเรือดำน้ำได้ทุ่มเทเพื่อสร้างเรือลำนี้ให้เป็นเรือรบของประชาชน

และหวังว่าจะซื้อเรือดำน้ำตามเป้าหมายให้ครบ 3 ลำ

 

ระเบิดป่วนเมือง

ในช่วงปี’60 เกิดระเบิดสะท้านเมืองหลายครั้ง

เริ่มจาก 5 เม.ย. ไปป์บอมบ์ตูมสนั่นหน้ากองสลากเดิม ถนนราชดำเนินกลาง มีลูกจ้างชั่วคราวสำนักเขตห้วยขวาง 2 รายบาดเจ็บเล็กน้อย

บ่ายๆ 9 พ.ค.เกิดเหตุระเบิด 2 จุด หน้าห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี ต.รูสะมิแล อ.เมือง จ.ปัตตานี โดยลูกแรกระเบิดขึ้นภายในห้างเพื่อไล่คนออกมา ก่อนมีระเบิดลูกที่สองตามมา บริเวณด้านนอกแถวจุดตรวจ รปภ. มีผู้บาดเจ็บหลายสิบราย

15 พ.ค. เกิดเหตุระเบิดบริเวณโคนต้นไม้บนทางเท้าใกล้เสาไฟฟ้า หน้าโรงละครแห่งชาติ ข้างสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า ใกล้สนามหลวง มีผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 2 ราย

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจพบหลักฐานสำคัญ คือ ไอซีไทเมอร์ หนึ่งในชิ้นส่วนใช้ประกอบระเบิดไปป์บอมบ์ตกที่พื้นห่างจากจุดเกิดเหตุระเบิดประมาณ 15 เมตร ซึ่งเป็นลักษณะเดียวกับไปป์บอมบ์หน้ากองสลาก

ถัดมา 22 พ.ค. ซึ่งตรงกับวันครบรอบ 3 ปีคสช.พอดี เสียงบึ้มบริเวณหน้าห้อง วงษ์สุวรรณ ชั้น 1 อาคารเฉลิมพระเกียรติของโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า มีผู้บาดเจ็บเล็กน้อย ประมาณ 24 ราย

15 มิ.ย.เจ้าหน้าที่รวบมือระเบิด นายวัฒนา ภุมเรศ อายุ 62 ปี อดีตวิศวกรไฟฟ้า กฟผ. พบหลักฐานไปป์บอมบ์ที่บ้านพักรามอินทรา ซอย 3 มัดตัว และยังพบว่าเอี่ยวระเบิดตั้งแต่ปี’50

8 ธ.ค. ศาลอาญาสั่งจำคุก นายวัฒนา ฐานพยายามฆ่าและประกอบวัตถุระเบิดรวม 26 ปี 12 เดือน ปรับ 500 บาท

 

รีเซ็ตครม.บิ๊กตู่ 5

หลังถูกจับตามากเรื่องการปรับครม. โดยเฉพาะทีมเศรษฐกิจ

24 พ.ย. ครม.ประยุทธ์ 5 คลอด เป็นการปรับใหญ่ 18 ตำแหน่ง แบ่งเป็นรัฐมนตรีใหม่ 10 คน และรัฐมนตรีที่แต่งตั้งโยกย้ายใหม่ 8 คน

ที่สำคัญ เช่น พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ จาก รมว.เกษตรและสหกรณ์มาเป็นรองนายกรัฐมนตรี ตั้งนายกฤษฎา บุญราช เป็นรมว.เกษตรฯ นายลักษณ์ วจนานวัช และนายวิวัฒน์ ศัลยกำธร เป็นรมช.เกษตรฯ

พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล เป็นรมช.กลาโหม นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ เป็นรมว.การท่องเที่ยวและกีฬา

ส่วน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ นั่งหนึบที่เก้าอี้รองนายกฯและรมว.กลาโหม พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา เป็นรมว.มหาดไทย เหมือนเดิม

ประชุมครม.นัดแรก 4 ธ.ค. พร้อมกับที่นายกฯแบ่งงาน 5 รองนายกฯและ 2 รมต.ประจำสำนักนายกฯ

และแล้ว นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ก็ผงาดคุมเศรษฐกิจแบบเบ็ดเสร็จ กำกับดูแลกระทรวงเศรษฐกิจทั้งหมด รวมทั้งกระทรวงเกษตรฯ ขณะที่ พล.อ.ฉัตรชัยถูกผลักพ้นทางกระทรวงเกษตรฯ ไปดูแลงานด้านสังคมแทน

การบ้านสำคัญมีทั้ง ปัญหาปากท้องชาวบ้าน ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ การปฏิรูปประเทศ

จับตาผลงานครม.ประยุทธ์ 5 จะเป็นไปตามเป้าหมายแค่ไหน

และจะทำงานราบรื่นไปจนถึงมีการเลือกตั้งที่คาดว่าจะเป็นเดือนพ.ย.61หรือไม่

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน