การจัดกิจกรรมทางการเมืองเล็กๆ ของกลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย และกลุ่มสตาร์ตอัพพีเพิล ที่มีผู้เข้าร่วมหลักร้อย เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นไปอย่างเรียบร้อย เจ้าหน้าที่รับมือได้ไม่เกินเลย สะท้อนบรรยากาศทางการเมืองที่ดีขึ้น
เนื่องจากเป็นการแสดงออกทางความคิดเห็นอย่างสันติและเป็นเหตุเป็นผล
กิจกรรมการชุมนุมดังกล่าวเพียงเพื่อประกาศว่า การเลือกตั้งต้องมีภายในปี 2561 ไม่ให้มีการเลื่อนเลือกตั้งอีก และไม่ต้องการให้มีการสืบทอดอำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
เป็นคำประกาศที่ไม่ได้เรียกร้องเพื่อคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่เพื่อประเทศโดยรวม
เนื่องจากกำหนดการเลือกตั้งในปี 2561 รวมถึงคำยืนยันว่าคสช.จะไม่สืบทอดอำนาจนั้นไม่ได้ริเริ่มหรือเรียกร้องโดยกลุ่มรณรงค์ประชาธิปไตยใดๆ
หากแต่เป็นคำพูดและคำมั่นของผู้นำประเทศและคณะรัฐบาลที่กล่าวกับคนในประเทศและตัวแทนรัฐบาลประเทศต่างๆ ว่าประเทศไทยจะมีการเลือกตั้งในปี 2561 ตามแผนโรดแม็ปเพื่อฟื้นฟูประชาธิปไตย
ขณะเดียวกันยังยืนกรานมาโดยตลอดว่า คสช.ไม่มีแนวคิดหรือเจตนารมณ์ที่จะสืบทอดอำนาจ
เมื่อผู้นำมีวาทะเช่นนี้แล้วจึงหมายถึงการแบกรับความรับผิดชอบที่จะต้องทำตามคำพูดให้ได้
การสรุปความถึงการเลื่อนเลือกตั้งออกไป 90 วันว่าเป็นไปตามเงื่อนไขทางกฎหมาย หรือไม่น่าจะมีผลกระทบใดๆ เพราะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ นั้นจะไม่เป็นผลดีกับการรักษาคำมั่นของผู้นำ
โดยเฉพาะการคาดคะเนไปเองว่า ชาติที่เป็นมิตรประเทศอย่างสหภาพยุโรปและสหรัฐ อเมริกาไม่ได้ว่าอะไร และไม่น่าจะมีปัญหาอะไรกับการที่ประเทศไทยเลื่อนการเลือกตั้ง ก็ไม่เป็นผลดีเช่นกัน
ยิ่งเมื่อตัวแทนรัฐบาลของทั้งอียูและสหรัฐต่างเรียกร้องให้ไทยรักษาความแน่นอนตามแผนโรดแม็ป จึงควรจะถือเป็นสัญญาณที่ต้องใคร่ครวญอย่างจริงจัง
เพราะหากมองข้ามด้วยความคิดว่าคงจะไม่เป็นอะไรแล้ว เรื่องนี้จะส่งผลต่อความน่าเชื่อถือของประเทศไทยบนเวทีโลกอย่างแน่นอน