‘บิ๊กตู่’นัดถกกรรมการข้าวพรุ่งนี้ ออกมาตรการจำนำยุ้งฉาง ปลัดคลังเผยได้รับหนังสือจาก‘ปู’แย้งคำสั่งปกครองให้ชดใช้ ค่าข้าว 3.5 หมื่นล้านแล้ว ‘หมอวรงค์’ อัดอดีตนายกฯจงใจเล่นการเมือง แนะต่อสู้ตามวิถีทางประชาธิปไตย ‘นคร’จวกเพื่อนร่วมปชป. บอกชาวนาพิษณุโลกกำลังเดือดร้อนให้กลับไปเยี่ยมบ้าง เพื่อไทยเหน็บหมอวรงค์ชงรัฐช่วยชาวนา ถามกลับพรรคไหนจุดชนวนล้มจำนำข้าว ‘รังสิมา’ซัด ‘นริศร’ แก้ตัวน้ำขุ่นๆ อ้างโรคประสาทชอบเสียบบัตรหลายใบ พรรคอธิปไตยฯปัด‘บิ๊กป้อม’เบื้องหลังตั้งพรรค ประธานสภาประชาชน 4 ภาคยันไม่มีเอี่ยวพรรคอธิปไตยฯ

‘บิ๊กตู่’ติงสื่อมโนชาวนาขายที่

เมื่อวันที่ 29 ต.ค. พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ระบุว่า เวลานี้เป็นช่วงเวลาที่คณะรัฐมนตรี(ครม.)และข้าราชการทุกคนต้องทำงานอย่างเต็มที่เป็นสองเท่า ทั้งเพื่ออำนวยการดูแลพี่น้องประชาชนที่เดินทางมาถวายสักการะพระบรมศพเบื้องหน้าพระบรมโกศ และขับเคลื่อนประเทศตามแนวนโยบายของรัฐบาลในท่ามกลางเศรษฐกิจโลกที่ยังคงผันผวน ดังนั้นรัฐบาลขอให้คำมั่นว่าจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด เพื่อดูแลประชาชนทุกคน ไม่ว่าจะอยู่ในภาคส่วนใด

“นายกฯ รู้สึกไม่สบายใจทุกครั้งที่ได้รับทราบข่าวว่าประชาชนเดือดร้อนหรือได้รับความลำบาก แต่รู้สึกไม่สบายใจยิ่งขึ้น เมื่อเห็นนักการเมือง รวมทั้งสื่อมวลชนบางกลุ่ม พยายามใช้ความเดือดร้อนของประชาชนสร้างกระแสความเข้าใจผิด สร้างข้อมูลเท็จ โดยไม่มีการตรวจสอบ ถือเป็นการทำร้าย ซ้ำเติมสังคมในช่วงเวลาที่ทุกคนที่มีความทุกข์ใจอยู่แล้ว อาทิ การโหมข้อมูลว่า มีชาวนาจำนวนมากประกาศขายที่นา เพราะราคาข้าวไม่ดี ทั้งที่เมื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงจะพบว่า คนที่ประกาศขายเป็นคนให้เช่าที่นา ซึ่งไม่ประสงค์จะให้เช่าแล้ว จึงอยากขายเพื่อถือเงินสดเป็นก้อน บางคนไม่มีแรงงานลูกหลานทำนา จึงประกาศขาย อยากให้สื่อมวลชนได้ตรวจสอบข้อมูลอย่างชัดเจน อย่าคิดมโนเอาเอง หรือเสนอความจริงเพียงครึ่งเดียว ให้สังคมเข้าใจผิดๆ” พล.ท.สรรเสริญ กล่าว

เตรียมออกมาตรการช่วย

พล.ท.สรรเสริญกล่าวว่า นายกฯฝากชื่นชมเกษตรกร รวมถึงชาวนาที่มีการปรับตัว ทั้งปรับเปลี่ยนการปลูกพืช การรวมตัวเป็น กลุ่มสหกรณ์สีข้าวในชุมชน ที่ผ่านมารัฐบาลได้มีมาตรการหลายอย่างเพื่อสนับสนุนพี่น้องชาวนา และในวันที่ 31 ต.ค. จะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) เชื่อว่าจะมีมาตรการดูแลพี่น้องเกษตรกรเพิ่มเติมออกมาอีก ขอให้รอฟังผลการพิจารณาอย่างเป็นทางการต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมนบข.วันที่ 31 ต.ค. มีพล.อ.ประยุทธ์เป็นประธาน เป็นการประชุมด่วนหลังราคาข้าวตกต่ำอย่างรวดเร็วและรุนแรงในรอบ 10 ปี เพื่อพิจารณามาตรการโครงการสินเชื่อเพื่อชะลอการขายข้าวเปลือกหอมมะลิและข้าวเหนียว ปี 2559/60 (จำนำยุ้งฉาง) ในราคา 11,000 บาท/ตันข้าวเปลือก ก่อนนำเข้าประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบ ในวันที่ 1 พ.ย. เพื่อพยุงราคาข้าวไม่ให้ตกต่ำครั้งนี้มีอายุ 6 เดือน เริ่มดำเนินการ 1 พ.ย.2559-30 เม.ย.2560 เป้าหมายรับจำนำยุ้งฉางประมาณ 2 ล้านตันเพื่อดูดข้าวออกจากระบบ วงเงินสินเชื่อที่จะกู้จากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) วงเงิน 22,000 ล้านบาทค่าฝากข้าว 1,500 บาท/ตัน ค่าใช้จ่ายรวมประมาณ 3,000 ล้านบาท รวมใช้งบราว 25,000 ล้านบาท

ปลัดคลังได้รับนส.จาก‘ปู’แล้ว

ส่วนกรณีที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีต นายกฯ ได้มอบหมายให้ทนายความส่วนตัวยื่นหนังสือถึงพล.อ.ประยุทธ์ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รมช.คลัง และนายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง เมื่อวันที่ 27 ต.ค. ระบุว่า ขอโต้แย้งคัดค้าน คำสั่งทางปกครองดังกล่าว เนื่องจากเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับ เลือกปฏิบัติและไม่เป็นธรรม ขอให้ปลัดกระทรวงการคลังและผู้ที่เกี่ยวข้องพิจารณาเพิกถอนคำสั่งให้ชดใช้ค่าเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าว เป็นจำนวนเงิน 3.5 หมื่นล้านบาท ภายใน 7 วัน มิฉะนั้นจะดำเนินการใช้สิทธิตามกฎหมายต่อไป รวมถึงการดำเนินการอื่นใดตามวิถีทางในระบอบประชาธิปไตย เพื่อความถูกต้องและเป็นธรรม

นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีดังกล่าวว่า ได้รับหนังสือจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่ร้องขอให้เพิกถอนคำสั่งชดใช้ค่าเสียหายจำนำข้าว 3.5 หมื่นล้าน ภายใน 7 วัน โดยให้ นายประภาศ คงเอียด รองปลัดกระทรวงการคลัง ไปศึกษาข้อกฎหมายว่าต้องปฏิบัติตามที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ร้องขอมาหรือไม่ ส่วนจะได้ข้อสรุปเมื่อใด และจะมีการตอบหนังสือร้องขอไปยัง น.ส.ยิ่งลักษณ์ หรือไม่ ขอรอดูข้อกฎหมายให้ชัดเจนก่อน

หมอวรงค์อัดจงใจเล่นการเมือง

นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีตส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊ก ว่า “วันที่ 28 ต.ค. 2559 มีข่าวว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้ส่งหนังสือไปร้องท่านปลัดกระทรวงการคลัง ขอให้เพิกถอนคำสั่งชดใช้ค่าเสียหายจำนำข้าว 3.5 หมื่นล้าน ภายใน 7 วัน โดยมีข้ออ้างว่าพล.อ.ประยุทธ์สั่งสอบโดยไม่สนความยุติธรรม ขัดหลักกฎหมาย-นิติธรรม คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง-รับผิดทางแพ่ง เลือกปฏิบัติ-มีส่วนได้เสีย มุ่งกลั่นแกล้งโดยตรง หากไม่ดำเนินการจะใช้วิถีทางตามประชาธิปไตยสู้ต่อ

ส่วนตัวผมยังแปลกใจวิธีการที่น.ส. ยิ่งลักษณ์ดำเนินการ แถมกำหนดเวลาไว้ด้วย เพราะก่อนหน้านี้เคยยื่นเรื่อง ทำหนังสือเนื้อหาทำนองเดียวกันต่อพล.อ.ประยุทธ์โดยตรงหลายรอบมาก ขนาดยื่นนายกฯยังทำอะไรไม่ได้ เพราะต้องเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย นั่นคือต้องไปร้องต่อศาลปกครอง ดังนั้นการไปร้องต่อท่านปลัดคลัง ก็คงเหมือนเดิมคือต้องไปร้องต่อศาลปกครอง

“ผมอยากเสนอน.ส.ยิ่งลักษณ์ว่า ในสถานการณ์เช่นนี้ น่าจะรู้ว่าความเหมาะสม อยู่ที่ไหน ผมคิดว่าการต่อสู้ตามวิถีทางประชาธิปไตย ก็คือน.ส.ยิ่งลักษณ์น่าจะรวบรวมพยาน หลักฐานทั้งหมด ที่คิดว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม ไปร้องต่อศาลปกครองตามที่กฎหมายเขาให้โอกาส และทุกอย่างไปพูดที่ศาลน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด การที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ยังไม่ไปร้องต่อศาล แต่ไปร้องหน่วยงานอื่นที่ไม่มีหน้าที่ตามกฎหมายนั้น ขัดแย้งกับวิถีทางประชาธิปไตย ยิ่งเป็นการสะท้อนว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์จงใจเล่นการเมืองมากเกินไป” นพ.วรงค์ระบุ

เชื่อมีคนจ้องดิสเครดิตรัฐ

นพ.วรงค์กล่าวว่า ส่วนกรณีที่พล.อ. ประยุทธ์ ระบุว่าจะมีมาตรการแก้ไขปัญหาราคาข้าวตกต่ำในสัปดาห์นี้นั้น มาตรการที่รัฐบาลจะออกมาต้องเป็นเรื่องที่จับต้องได้อย่างเป็นรูปธรรม ที่สำคัญต้องได้ใจชาวนาที่กำลังเดือดร้อนหนักหนาสาหัสในเวลานี้ เพราะมาตรการเยียวยาครั้งก่อนของรัฐบาลที่ชดเชยเงินให้ชาวนาไร่ละพันบาทยังไม่ได้ใจพี่น้องชาวนาและแก้ไม่ถูกจุด เชื่อว่าหากรัฐบาลมีมาตรการที่ดีจะสามารถตัดวงจรของการสร้างกระแสปลุกปั่นดิสเครดิตรัฐบาลครั้งนี้ไปได้แน่

ส่วนกรณีที่โรงสีไม่ซื้อข้าวจากชาวนาในช่วงนี้ โดยอ้างว่าเป็นข้าวที่มีความชื้นสูงเพราะเกี่ยวตอนเปียก หรือซื้อโดยกดราคาต่ำมากนั้น ต้องมองด้วยความเป็นธรรมเพราะจะมีโรงสี 2 ประเภท คือ 1.โรงสีที่ทำธุรกิจและขาดทุนจริง เพราะเคยซื้อข้าวมาเก็บในราคาต้นทุนที่สูง กรณีนี้พอรับได้ แต่โรงสีประเภทที่สอง ที่เป็นเครือข่ายของนักการเมืองและกลุ่มเครือข่ายผลประโยชน์ที่เคยร่วมกันทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว ทั้งที่ไม่เคย และเคยถูกตรวจสอบโดยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ(ป.ป.ท.) ฉวยโอกาสนี้ผสมโรงทุบราคาข้าวของชาวนาเพื่อดิสเครดิตรัฐบาลเพื่อหวังผลทางการเมือง

สำหรับมาตรการในการแก้ไขมี 2 ข้อคือ 1.ให้รัฐส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบโรงสีเหล่านี้ หากพบหลักฐานเชื่อได้ว่า โรงสีใดร่วมผสมโรงทุบราคาข้าวชาวนา รัฐบาลต้องดำเนินการตามกฎหมายอย่างถึงที่สุด 2.การที่รัฐบาลเร่งสนับสนุนให้ชาวนารวมกลุ่มใช้โรงสีข้าวชุมชน สีข้าวเปลือกเป็นข้าวสารขายโดยตรงกันเอง โดยที่ทุกฝ่ายร่วมรับซื้อถือเป็นสถานการณ์ที่เหมาะสมในการเปลี่ยนวิถีชาวนาไทย จากที่เป็นผู้ผลิตที่ถูกเอาเปรียบ มาเป็นผู้ทำธุรกิจครบวงจรคือ ปลูกเอง สีเอง ขายเอง โดยมีหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องส่งเสริมจะเป็นทางแก้ไขที่ยั่งยืน

‘นคร’จวกวรงค์-ชาวนาถามหา

นายนคร มาฉิม อดีต ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขณะนี้ชาวนาที่พิษณุโลกต่างบ่นเป็นเสียงเดียวกันว่า ราคาข้าวเปลือกปีนี้ต่ำสุดในรอบ 10 ปี เดือดร้อนอย่างหนักเมื่อไม่มีโครงการรับจำนำข้าวช่วยชาวนาเป็นปีที่ 3 ติดกัน ตนรู้สึกสมเพชแกมเศร้าใจที่ นพ.วรงค์ เรียกร้องให้รัฐบาลนี้หางบประมาณอุดหนุนชาวนา ทั้งๆ ที่ นพ.วรงค์เป็นตัวการสำคัญคนหนึ่งที่ใช้ทุกวิธีการทำลายโครงการรับจำนำข้าว เพียงเพื่อประโยชน์ทางการเมือง แม้จะหมิ่นเหม่ต่อการถูกกล่าวหาว่าเป็นลูกสมุนเผด็จการ เพราะโต้แทนรัฐบาลทุกเม็ดก็ยอม ตนทำนายว่า สุดท้ายรัฐบาลจำเป็นต้องอุดหนุนชาวนา อาจเรียกชื่อโครงการแตกต่างกันไปบ้างก็ไม่ว่ากัน และสิ่งนี้จะเป็นข้อพิสูจน์ให้เห็นว่า โครงการรับจำนำข้าว หรือโครงการอุดหนุนเกษตรกรรูปแบบต่างๆ จะคิดกำไร ขาดทุนไม่ได้

“ชาวนาพิษณุโลกถามหาหมอวรงค์กลับไปเยี่ยมบ้าง อย่าทำตัวเป็นบุคคลสาบสูญจากพื้นที่ กิน อยู่สบายในเมือง แต่ชาวนาอดอยากปากแห้ง ผมทราบมาตั้งแต่ต้นและพยายามเตือนสติเพื่อน ส.ส.มาหลายครั้งว่า นโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อเกษตรกรไม่ควรไปมีอคติและใช้เป็นเครื่องมือทำลายกันทางการเมืองเมื่อนำเอานโยบายที่ดีมาทำลายกันทางการเมือง สุดท้ายชาวนา ชาวไร่มันสำปะหลัง และไร่ข้าวโพดก็ตายทั้งเป็น” นายนครกล่าว

เพื่อไทยตอกกลับเด็กปชป.

ด้านนายสมคิด เชื้อคง อดีต ส.ส.อุบล ราชธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนพ.วรงค์ เรียกร้องรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ให้อัดฉีดเงินช่วยเหลือชาวนาอย่างเร่งด่วน เพราะราคาข้าวตกต่ำอย่างหนัก และแนะรัฐบาลให้ทำโครงการช่วยเหลือชาวนาทั้งระยะสั้นและระยะยาวว่า ทำไมนพ.วรงค์เพิ่งมาไอเดียกระฉูดช่วงนี้ก็ไม่รู้ อ่านข่าวดูแล้วยิ่งน่าเสียใจ เพราะก่อนหน้าจะถึงวันนี้ ใครที่อยากล้มนโยบายช่วยเหลือชาวนาของรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ใครกันที่ออกมากล่าวทุกวันว่าข้าวเน่าข้าวเสีย อีกวันก็ข้าวเสียข้าวเน่า และมีแต่โกงๆ ทุกหนแห่ง วันนี้จะมาบอกว่าให้จ่ายเงินให้ถึงมือชาวนา

นายสมคิดกล่าวว่า ขอถาม นพ.วรงค์หน่อยว่าโครงการจำนำข้าวเงินไม่ถึงมือชาวนาตรงไหน ที่จ่ายล่าช้าเพราะคนกลุ่มไหน พรรคไหนอยู่เบื้องหลังการกดดันไม่ให้จ่ายเงินชาวนา วันนี้ชาวนาเดือดร้อนทุกแห่งหน เคยละอายกันบ้างไหม โดยเฉพาะกลุ่มคนที่จุดชนวนอยากล้มโครงการดูแลชาวนาทั้งที่โดยรู้ตัว และโดยความเขลาเบาปัญญา วันนี้คุณวรงค์พูดเอาดีใส่ตัว ทั้งที่คุณได้ทำร้ายชาวนาไปแล้ว นี่คือคนของพรรคประชาธิปัตย์ ที่พี่น้องชาวนาต้องจดจำ

จวกพาณิชย์ไม่รู้เรื่อง

“ส่วนปลัดกระทรวงพาณิชย์ ที่บอกว่าชาวนาเกี่ยวข้าวเปียกหรือเก็บเกี่ยวหนีฝน ทำให้ข้าวเปียก แถมสั่งให้พาณิชย์จังหวัดดูแลนั้น นี่ก็เป็นตัวอย่างข้าราชการประจำโดยแท้จริง ไม่รู้เรื่องเก็บเกี่ยวแล้วพูด ชาวนาที่อีสานไม่มีฝนตก ก็โดนหักความชื้นเหมือนกัน เพราะเป็นการเกี่ยวข้าวสดทั้งนั้น อย่าบอกว่าให้ไปตากเก็บไว้ เพราะไม่มีที่ตาก ไม่มียุ้งฉาง และจน ไม่มีเงินจะใช้จ่าย เข้าใจหรือไม่ อย่าพูดโดยไม่เข้าใจชาวบ้าน” นายสมคิด กล่าว

ด้านนายวรชัย เหมะ อดีต ส.ส.สมุทร ปราการ พรรคเพื่อไทย กล่าวตอบโต้นพ.วรงค์ว่า อยากถามว่าแล้วใครกันที่เป็นต้นเรื่องไปร้องคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้เข้ามาสอบรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ หากรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ทุ่มงบประมาณช่วยเหลือชาวนาเหมือนรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ อยากถามว่า นพ.วรงค์ว่าจะไปยื่นเรื่องต่อป.ป.ช.สอบ พล.อ.ประยุทธ์บ้างหรือไม่

ข้องใจรัฐบาลจำนำยุ้งฉาง

นายวรชัยยังกล่าวถึงกระแสข่าวที่รัฐบาลเตรียมทุ่มงบ 2.5 หมื่นล้านบาท ดำเนินโครงการจำนำยุ้งฉางเพื่อพยุงราคาข้าวไม่ให้ตกต่ำว่า ไม่รู้ว่ารายละเอียดในโครงการดังกล่าวเป็นอย่างไร แต่การดำเนินโครงการดังกล่าวนั้น หากมีข้าวในยุ้งฉางรัฐบาลก็ต้องทุ่มงบประมาณช่วยเหลือชาวนา แต่หากไม่มีข้าวในยุ้งฉาง ก็ยิ่งทำให้รัฐบาลต้องขาดทุนจากการดำเนินโครงการ

สรุปคือจะมีข้าวหรือไม่มีข้าวในยุ้งฉาง รัฐบาลก็ต้องทุ่มงบประมาณอัดฉีดเพื่อช่วยเหลือชาวนา ซึ่งตนเห็นด้วยและสนับสนุนให้หามาตรการต่างๆ เพื่อช่วยเหลือชาวนาโดยเร็วที่สุด เพียงแต่อยากถามว่าโครงการนี้แตกต่างจากโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ตรงไหน อย่างไร ในเมื่อเป็นโครงการที่ดูแลและช่วยเหลือพี่น้องชาวนาเหมือนกัน เพียงแต่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ เปลี่ยนชื่อเพื่อหลีกเลี่ยง หรือป้องกันข้อครหาว่าลอกโครงการรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์มาใช้

ไม่หวั่นปมโรคประสาท

นายสามารถ แก้วมีชัย อดีตส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย และคณะทำงานติดตามร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวถึงกรณีที่นายนริศร ทองธิราช อดีต ส.ส.สกลนคร พรรคเพื่อไทย ระบุตัวเองเป็นโรคประสาทชอบเสียบบัตรของตัวเองหลายใบในระหว่างการตอบข้อซักถาม กระบวนการถอดถอนของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กรณีใช้บัตรลงคะแนนอิเล็ก ทรอนิกส์ลงคะแนนแทนบุคคลอื่นว่า คิดว่าไม่น่าจะเป็นปัญหากับพรรคเพื่อไทยเรื่องการส่งคนโดยไม่ดูคุณสมบัติก่อนลงสมัคร ส.ส. เพราะนายนริศรพูดเองว่าชอบเสียบบัตรหลายๆ ใบพร้อมกัน เพราะตัวเองเป็นโรคประสาท เป็นการพูดทีเล่นทีจริงว่าติดนิสัยแบบนี้ ชอบเสียบบัตรเข้าออก เรื่องนี้เป็นถ้อยคำที่นายนริศรได้ให้ถ้อยคำกับศาลรัฐธรรมนูญ และกรรมการที่ซักถามเมื่อวันที่ 28 ต.ค.ที่ผ่านมา ได้นำมาอ้างถึง

ผู้สื่อข่าวถามว่าพรรคเพื่อไทยต้องรับผิดชอบหรือไม่ กรณีที่ไม่ดูคุณสมบัติของ ส.ส.ก่อนส่งลงสมัครรับเลือกตั้ง นายสามารถกล่าวว่า ไม่เกี่ยวกัน เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องเฉพาะตัว จากที่ดูคลิปก็อ้างว่าเป็นทั้งบัตรเก่า บัตรใหม่ บัตรประจำตัว ถึงเวลารีบลงก็ หยิบเสียบ ซึ่งนายนริศรบอกเองแล้วว่าถ้าขึ้นศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จะเอาคลิปส่งพิสูจน์ว่าเป็นการตัดต่อหรือไม่ ถือเป็นแนวทางต่อสู้ของเขา ต่อข้อถามว่าเรื่องนี้จะส่งผลกระทบให้ฝ่ายตรงข้ามใช้เล่นงานหรือไม่ นายสามารถกล่าวว่า ไม่น่าจะ เพราะถ้าไปฟังนายนริศรพูด เขาก็พูดแบบติดตลก ซึ่งนายนริศรบอกว่าอยู่ว่างๆ ก็เลยเสียบบัตรเข้าออกเล่นๆ

‘รังสิมา’ซัดเป็นส.ส.ได้อย่างไร

น.ส.รังสิมา รอดรัศมี อดีต ส.ส.สมุทร สงคราม พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนเห็นว่าใครๆ ก็อ้างได้ ซึ่งตนไม่ทราบว่าเป็นความจริงหรือเป็นการแก้ตัวน้ำขุ่นๆ และการตอบเช่นนี้เห็นว่ามีความขัดแย้งกัน คนมีศักดิ์ศรีไม่ทำแบบนี้ แต่ขึ้นอยู่กับสนช.จะพิจารณา และตนเชื่อว่า สนช.ทุกท่านเป็นคนมีความรู้ความสามารถ ไม่ใช่เด็กอมมือ รวมทั้งกรณีดังกล่าวศาลเคยตัดสินไปแล้ว เพราะการที่บอกว่าเป็นโรคประสาท ก็ต้องมีหลักฐานใบรับรองแพทย์ และสนช.ก็มีแพทย์หลายท่านน่าจะทราบความจริง ขณะเดียวกันคุณสมบัติของ ส.ส. หากเป็นโรคจิต โรควิกลจริต โรคประสาทไม่สามารถเป็นส.ส.ได้อยู่แล้ว

“ในการลงมติต่างๆ ต้องใช้เหตุผล เป็นเรื่องของบ้านเมืองไม่ใช่การช่วยเหลือกัน ไม่อย่างนั้นบ้านเมืองก็วนอยู่ในอ่างไม่ไปไหน ต้องช่วยกันให้คนไม่ดีหลุดออกจากวงจรไป เราควรปฏิรูปกันได้แล้ว คนที่มาทำหน้าที่ ส.ส.ต้องมีความซื่อสัตย์ ไม่เอื้อประโยชน์ให้ตัวเอง เสนอว่าอนาคตควรเปลี่ยนระบบการเสียบบัตรให้ทันสมัยมากขึ้นที่สามารถป้องกันการทุจริตกดบัตรแทนกันได้ เช่น การสแกนดวงตา การสแกนนิ้วมือ เป็นต้น สภาต้องแก้ไขตั้งระบบใหม่ให้ทันสมัย รัฐบาลหน้าต้องแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ เราต้องเปลี่ยนแปลงปฏิรูปใหม่ รวมทั้งประชาชนต้องปฏิรูป ไม่ใช่แค่ส.ส. โดยเลือกนักการเมืองทำงานให้กับบ้านเมือง เป็นคนดี ไม่โกง

ปธ.สภา 4 ภาคโต้ข่าวตั้งพรรค

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังนายสมาน ศรีงาม เลขาธิการพรรคอธิปไตยปวงชนชาวไทย เปิดเผยเมื่อวันที่ 23 ต.ค.ว่าสภาประชาชน 4 ภาค มีแนวคิดตั้งพรรคอธิปไตยปวงชนชาวไทย เพื่อเข้ามารับการถ่ายอำนาจเข้าไปปกครองประเทศต่อจาก คสช. โดยมีนายประพาส โงกสูงเนิน เป็นรองเลขาธิการพรรคนั้น

ที่ศาลาประชาคม ภายในหมู่บ้าน 4 ภาค เศรษฐกิจพอเพียง ต.เสมา อ.สูงเนิน จ.นคร ราชสีมา นายประพาส โงกสูงเนิน ประธานเครือข่ายประชาชนอีสาน(สอส.) สภาประชาชน 4 ภาค ได้เรียกประชุมคณะกรรมการเครือข่ายและตัวแทนเครือข่ายจาก 54 จังหวัด เพื่อชี้แจงกรณีที่มีข่าวดังกล่าวว่า ยืนยันว่าไม่รู้มาก่อน และไม่เคยมีความคิดว่าจะมีการจัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นมา โดยเฉพาะช่วงนี้เป็นช่วงที่ประชาชนทั่วประเทศกำลังโศกเศร้ากับการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล อดุลยเดช นั้นไม่ควรที่จะมีการพูดเรื่องนี้ขึ้นมา อีกทั้งไม่เป็นความจริงก็ยิ่งไม่น่าที่จะมีการพูดเพราะอาจทำให้เครือข่ายประชาชน 4 ภาค ถูกมองในมุมที่ไม่ดี

ลั่นไม่เป็นนอมินีใคร

นายประพาสกล่าวว่า สิ่งที่น่าคิดว่าหากเครือข่ายประชาชน 4 ภาค จะประกาศตั้งพรรคการเมืองขึ้นมาจริงๆ ก็ไม่ควรที่จะให้คนอื่นมาประกาศแทน เพราะถ้าตั้งจริงๆ ทำไมทางเครือข่ายฯถึงไม่มีการตั้งโต๊ะประกาศให้มีความชัดเจนโดยที่มีตนเองเป็นประธานเครือข่ายฯ ดังนั้นจึงแสดงให้เห็นว่าผู้ที่ให้ข่าวนั้นเป็นการนำชื่อของเครือข่ายประชาชน 4 ภาคไปแอบอ้างและฉวยโอกาส เพื่อต้องการให้มีคนเข้าร่วมกับการแอบอ้างในครั้งนี้เป็นจำนวนมาก ตนขอปฏิเสธโดยเด็ดขาดที่จะมีการจัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นมา

“ขอย้ำว่าไม่ใช่นอมินีของ คสช.หรือกลุ่มใดๆ ทั้งสิ้น ดังนั้นต้องการให้รัฐบาลสืบหาข้อเท็จจริงดังกล่าวว่าบุคคลที่มาแอบอ้างชื่อเครือข่ายประชาชน 4 ภาค นั้นที่แท้จริงต้นตอเป็นใครและเป็นนอมินีของใครหรือไม่ เพราะทุกวันนี้รัฐบาลกำลังบริหารประเทศไปได้ด้วยดี และเป็นไปตามที่รัฐบาลได้กำหนดไว้ แต่ผมขอปฏิเสธไม่ได้เป็นนอมินีของใครอย่างแน่นอน เพราะเครือข่ายประชาชน 4 ภาค ยังคงยึดถือระบอบประชาธิปไตยเป็นหลัก ให้ทุกอย่างเป็นไปตามโรดแม็ปของรัฐบาล” นายประพาสกล่าว

พรรคอธิปไตยฯชูธงแก้ขัดแย้ง

เมื่อเวลา 16.00 น. ที่โรงแรมเพนนินซูล่า พรรคอธิปไตยปวงชนชาวไทย ออกแถลงการณ์เรื่องเป้าหมายของพรรคว่า พรรคมีการรวมตัวกันมาระยะหนึ่งแล้ว โดยเป็นการรวมของพี่น้องคนไทย ทุกฝ่ายทุกสี ทุกสาขาอาชีพที่ปรารถนาดีต่อชาติบ้านเมือง และห่วงใยประเทศชาติ หากวันที่คสช.ลงจากอำนาจ แล้วมีการเลือกตั้งที่อาจนำไปสู่ความขัดแย้ง มีปัญหาความไม่เป็นธรรมต่างๆ เกิดขึ้นอีกในสังคมไทย ดังนั้นทางพรรคพร้อมเสนอตัวมาแก้ไขปัญหา โดยโครงสร้างพรรคเป็นแบบสภาประชาชนจากทุกพื้นที่ที่มีส่วนร่วมกำหนดนโยบาย กำหนดตัวบุคคล และมีมาตรฐานการผูกมัดให้ผู้มีอำนาจต้องปฏิบัติตาม นั่นคือ บริหารพรรคและประเทศด้วยประชาชน โดยมีตำแหน่งเลขาธิการพรรคทำหน้าที่บริหารพรรคในภาพรวม

สำหรับนโยบายพรรคนั้นจะทำให้พุทธศาสนามีความเจริญมั่นคง เป็นศาสนาประจำชาติ และเป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนาของโลก โดยคงความเป็นธรรมแก่พี่น้องต่างศาสนา มีการแก้ไขปัญหาความยากจน แก้ไขปัญหาไร้ที่ดินทำกิน แก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกร แรงงาน ข้าราชการ และลูกหนี้ที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม แก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคม แก้ไขปัญหาด้านชาติพันธุ์ของคนในชาติ แก้ไขชำระประวัติศาสตร์ที่ไม่ถูกต้อง แก้ไขปัญหาคดีทางการเมือง พร้อมยกย่องพี่น้องคนไทยที่เสียชีวิตทางการเมือง ตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน อีกทั้งจะนำเอานโยบายที่ดีของทุกรัฐบาลมาต่อยอด และขยายผลในการพัฒนาชาติบ้านเมือง เพื่อให้พี่น้องชาวไทยได้รับประโยชน์

ปัด‘บิ๊กป้อม’อยู่เบื้องหลัง

จากนั้น นายณพลเดช มณีลังกา โฆษกพรรค เป็นตัวแทนน.อ.(พิเศษ)คัมภีร์ คัมภีรญาณนนท์ เลขาธิการพรรค กล่าวชี้แจงกรณีการเปิดตัวพรรคที่มีการเชื่อมโยงว่าเกี่ยวข้องกับพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหมว่า ขอยืนยันว่าพล.อ. ประวิตรไม่ได้บงการให้ตั้งพรรค และไม่ใช่พรรคทหารแต่อย่างใด อีกทั้งตามที่พล.อ. ประวิตรให้สัมภาษณ์เป็นข้อเท็จจริงทุกประการ และไม่ได้อยู่เบื้องหลังการตั้งพรรค เพียงแต่พล.อ.ประวิตรรู้จักกับตน ในฐานะน้องที่ได้พบปะกันในบ้านพักของกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ (ร.1 รอ.)

ส่วนการเชิญพล.อ.ประวิตรไปเป็นประธานในพิธีวางศิลาฤกษ์พระบรมราชานุสาวรีย์ ร.5 ที่ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง สภาประชาชนภาค 4 ต.นากลาง อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา นั้นก็เป็นความจริง แต่พล.อ.ประวิตรติดภารกิจ จึงมอบหมายให้พล.ท.วิชัย แชจอหอ แม่ทัพภาคที่ 2 มาเป็นประธานในพิธี ซึ่งพล.ท.วิชัยก็ติดภารกิจด้วย จึงได้มอบหมายให้พล.ท.ธรากฤต ทับทองสิทธิ์ รอง ผอ.รมน.ภาค 2 ไปร่วมพิธีแทน ซึ่งข้อเท็จจริงมีเพียงเท่านี้

ร้องผวจ.-หมอเปรมขัดคำสั่งคสช.

อีกกรณีหนึ่ง จากกรณีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช. ออกคำสั่งมาตรา 44 ให้นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ นายกเทศมนตรีเมืองบ้านไผ่ จ.ขอนแก่น ระงับการปฏิบัติราชการตั้งแต่ 25 ส.ค. 2559 โดยยังไม่พ้นจากตำแหน่ง โดยไม่รับค่าตอบแทน กรณีให้ลูกน้องซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่เทศบาลจับผู้สื่อข่าวชายถอดกางเกงออกเหลือเพียงกางเกงใน เหตุไม่พอใจที่นำเสนอข่าวนพ.เปรมศักดิ์แต่งงานกับนักเรียนสาว ชั้นม.5 จนมีการฟ้องร้องเอาผิดนพ.เปรมศักดิ์ ซึ่งขณะนี้เรื่องอยู่ในชั้นการพิจารณาของอัยการ

ล่าสุด นายวัฒนาวุฒิ หอวิจิตร สมาชิกสภาเทศบาลเมืองบ้านไผ่ อ.บ้านไผ่ พร้อมพวกซึ่งเป็นส.ท.ฝ่ายค้านเมืองบ้านไผ่ รวม 10 คน เข้ายื่นหนังสือต่อนายพงษ์ศักดิ์ ปรีชาวิทย์ ผวจ.ขอนแก่น เมื่อวันที่ 25 ต.ค. ร้องเรียนว่า นพ.เปรมศักดิ์ยังคงปฏิบัติหน้าที่เสมือนเป็นนายกเทศมนตรี ด้วยการตั้งโต๊ะทำงานอยู่ที่บ้านตัวเอง และเรียกว่าที่ร.อ.วัทธิกร ทรงยศวัฒนา ปลัดเทศบาลเมืองบ้านไผ่ ไปสั่งการให้ทำงานต่างๆ รวมถึงยังได้ลงนามในหนังสือราชการในตำแหน่งนายกเทศมนตรี เมื่อวันที่ 7 ก.ย. 2559 ซึ่งเป็นการจงใจขัดขืนคำสั่งคสช.อย่างเห็นได้ชัด และยังก่อให้เกิดความขัดแย้งในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนายพงษ์ศักดิ์ได้ตรวจสอบเรื่องดังกล่าว จึงได้มีหนังสือด่วนที่สุดถึงเทศบาลเมืองบ้านไผ่ให้ส่งตัวว่าที่ร.อ.วัทธิกรไปช่วยราชการที่จังหวัดขอนแก่น มีกำหนดไม่เกิน 4 เดือน มีผลตั้งแต่ 31 ต.ค. 2559

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน