บทบรรณาธิการ : กรณีป่าทุ่งใหญ่

เจ้าหน้าที่จับกุมประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทเอกชนขนาดใหญ่รายหนึ่ง พร้อมพวกรวม 4 คน ขณะตั้งแคมป์พักในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมรดกโลก

จากการตรวจค้นก็พบของกลางทั้งอาวุธปืน และซากสัตว์ต่างๆ ในจำนวนนี้มีซากเสือดำ เก้ง และไก่ฟ้าหลังเทา ซึ่งเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองและสัตว์ป่าหายากรวมอยู่ด้วย

หลังจากสอบปากคำและบันทึกการจับกุมเสร็จ เจ้าหน้าที่ก็นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดส่งให้พนักงานสอบสวนในท้องที่ดำเนินคดีในหลายข้อหา ซึ่งมีข้อหาล่าสัตว์รวมอยู่ด้วย

ต่อจากนี้ก็ต้องเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม

กรณีที่เกิดขึ้นนี้ ทำให้คิดถึงเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับผืนป่าทุ่งใหญ่นเรศวร เมื่อ ปี พ.ศ.2516 ที่เฮลิคอปเตอร์ของกองทัพบก ประสบอุบัติเหตุตกที่ อ.บางเลน จ.นครปฐม พบเนื้อสัตว์ที่ชำแหละเป็นจำนวนมาก รวมทั้งขากระทิงขนาดใหญ่ และปืนล่าสัตว์จำนวนมาก

อีกทั้งผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด ก็มีสายสัมพันธ์กับผู้มีอำนาจในยุคนั้น จนเป็นอีกชนวนเหตุที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในเวลาต่อมา

เหตุการณ์ล่าสุดนี้ เป็นที่น่ายินดีนายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสอบสวน สืบสวน ขยายผล ดำเนินคดีอย่างตรงไปตรงมา โดยเสมอภาค ไม่เข้าข้างฝ่ายใด

ซึ่งเป็นไปตามหลักกฎหมายที่ทุกคนจะได้รับอย่างเทียมกัน

อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่า กลุ่มที่เข้าไปในป่าอนุรักษ์จนสามารถก่อเหตุขึ้นในครั้งนี้ สามารถรอดหูรอดตาเจ้าหน้าที่ พร้อมนำเอาอาวุธปืนเข้าไปล่าสัตว์ป่าได้ ก็จะต้องทบทวนว่ามีช่องว่างหรือไม่

แม้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการรักษาผืนป่า จะมีกฎระเบียบ รวมถึงหลักเกณฑ์ต่างๆ ให้ปฏิบัติอย่างเข้มงวด แต่เมื่อปรากฏว่ากรณีนี้เป็นการลักลอบเข้าไปในพื้นที่หวงห้าม ก็ยิ่งต้องเพิ่มความระมัดระวังยิ่งขึ้น

ขณะเดียวกัน ในส่วนนักนิยมไพรทั้งหลาย ซึ่งหลังๆ มักไม่ใช่การเข้าป่าเพื่อศึกษาธรรมชาติ กลับกลายเป็นว่ามีลักษณะแอบแฝงในทางอื่น

จึงต้องร่วมกันหยุดยั้งพฤติกรรมเข้าป่าล่าสัตว์ให้ได้