แม้ความพยายามในการ”เลื่อน”การเลือกตั้งออกไปจากภายในเดือนพฤศจิกายน 2561 ไปเป็นภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2561
ถือเป็น”ชัยชนะ” ถือเป็น “ความสำเร็จ”
ส่งผลให้บรรดา”คุณห้อย คุณโหน”ไม่ว่าจะอยู่ใน “สนช.” ไม่ว่าจะอยู่ใน “กรรมการปฏิรูป”ดีอกดีใจ
เพราะเท่ากับขยายการอยู่ใน”อำนาจ”ยาวนานออกไป
แต่ชัยชนะและความสำเร็จนี้ก็สร้างความอึดอัดให้กับบรรดา ดรีมทีมในทาง “เศรษฐกิจ”เป็นอย่างสูง
เพราะในชัยชนะนี้กลับเท่ากับเป็นการ”ประจาน”
ประจานว่ายังไม่สามารถ “ฟื้น”เศรษฐกิจที่ทรุดต่ำนับแต่การ
เคลื่อนไหว”ชัตดาวน์”ให้คืนกลับมาได้
จึงต้อง”ยื้อ” จึงต้อง”เลื่อน”การเลือกตั้งออกไป
ถามว่าอะไรคือเหตุผลหลักทำให้ต้องปรับครม.ไม่ว่าเมื่อเดือนสิงหาคม 2559 ไม่ว่าเมื่อเดือนธันวาคม 2560
คำตอบคือ ปัญหา”เศรษฐกิจ”
เพราะว่ากระบวนการแก้ปัญหาของดรีมทีมชุด ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ไม่ประสบผลสำเร็จ จึงต้องปลดออกแล้วนำเอาดรีมทีมจุด ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เข้ามาแทนที่
แต่เมื่อเกิดสถานการณ์รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานยื่นใบลาออกในเดือนพฤศจิกายน 2560
เสียงเรียกร้องให้ปรับครม.”ใหญ่”เป้าอยู่ที่ใด
เป้า 1 คือ ความล้มเหลวของรัฐมนตรี”ทหาร” เป้า 1 คือ ความล้มเหลวในการฟื้นคืน “เศรษฐกิจ”
เท่ากับยืนยันว่า ปัญหา”เศรษฐกิจ”ยังเป็นปัญหาหลัก
ที่ต้อง “ยื้อ” การเลือกตั้งออกไปครั้งแล้วครั้งเล่าจากปลายปี 2558 มายังปี 2559 มายังปี 2560 มายังปี 2561 กระทั่งยาวไปยังเดือนกุมภาพันธ์ 2562
เพราะ 1 รู้อยู่ว่าหากเลือกตั้งก็ยัง”แพ้”
เพราะ 1 รู้อยู่ว่าถึงกติกาจะอำนวยประโยชน์เพียงใดก็ไม่อาจบริหารได้โดยราบรื่น
เพราะ 1 ปัญหา”เศรษฐกิจ”ยังไม่ดี
เนื่องจาก “ประชารัฐ”ยังไม่สามารถเข้าไปแทนที่”ประชานิยม” และครองใจประชาชนได้เหมือนในยุค”ไทยรักไทย”อันต่อเนื่องถึง”พลังประชาชน”และ”เพื่อไทย”
แพะรับบาปอาจเป็นดรีมทีม”เศรษฐกิจ”ในที่สุด