สภาวะ “ขาลง”ของคสช.และของรัฐบาลกำลังส่งผลสะเทือนอย่าง ลึกซึ้งในทางการเมือง
ก่อความไม่แน่นอนต่อ”โรดแม็ป”
ไม่ว่าพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าพรรคชาติไทยพัฒนา ไม่ว่าพรรคเพื่อไทย จะเรียกร้องในเรื่องของความชัดเจน
แต่คสช.ก็ยืนกราน “ไม่ชัดเจน” ไม่แจ่มชัด
ร่างพรป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ทำให้กำหนดเวลาตามโรดแม็ปเลื่อนออกไปจากเดือนพฤศจิกายน 2561 กลายเป็นเดือนกุมภาพันธ์ 2562
แต่กระบวนการสรรหากกต.ใหม่อาจทำให้ต้องกลายเป็นเดือนพฤศจิกายนก็เป็นได้
เป็นความแน่นอนภายในความไม่แน่นอน
หลายคนอาจรู้สึกว่าสถานะ”ขาลง”ของคสช.และของรัฐบาลมาจากสคส. พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม
โดยเฉพาะต่อคำว่า “กองหนุน”
แต่ความจริง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ มองทะลุตั้งแต่ก่อนหน้านั้นมาแล้ว
นั่นก็คือ การลาออกของรัฐมนตรีกระทรวงแรงงาน
นั่นก็คือ ความอื้อฉาวอันเนื่องจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ยกแขนขึ้นบังแดด
เรื่องแรกเกิดเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน
เรื่องหลังเริ่มต้นเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม และยิ่งวันยิ่งอื้อฉาวไปทั่วโลก
เป็นปัญหามาจาก”ภายใน”ของ”คสช.”เอง
ปัญหา “กองหนุน” ที่ถดถอย ส่งผลสะเทือนอย่างลึกซึ้งต่อบรรดา พันธมิตรใหม่ที่เกาะเกี่ยวเอาไว้
ไม่ว่าจะเป็นที่สุพรรณบุรี ไม่ว่าจะเป็นที่นครปฐม
ไม่ว่าจะเป็นที่ชลบุรี ไม่ว่าจะเป็นที่นครราชสีมา ไม่ว่าจะเป็นที่สุโขทัย
หรือแม้กระทั่งบุรีรัมย์
ยิ่งสถานะทางการเมืองของคสช.และของรัฐบาลรูดอย่างชนิดมหาราชเพียงใด ความภักดีที่เคยมีก็ย่อมจางคลายลงเป็นลำดับ
กระทั่งมีข่าว นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ตั้งพรรคปะทุขึ้น