การจดทะเบียนก่อตั้งพรรคพลังประชารัฐ น่าจะเป็นที่น่าสนใจของผู้คนเป็นพิเศษเพราะชื่อพรรคสอดคล้องกับแผนขับเคลื่อนทางการเมืองและเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดปัจจุบัน

อีกทั้งเตรียมจะเชิญนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันนั่งเป็นประธานที่ปรึกษาพรรค

กรณีนี้คณะกรรมการการเลือกตั้งบางท่านให้ข้อคิดเห็นเบื้องต้นว่า การตั้งชื่อพรรคให้สอดคล้องไม่น่าจะผิดกฎหมาย ส่วนการเชิญนายกรัฐมนตรีเป็นที่ปรึกษาพรรค จำเป็นต้องไปดูข้อกฎหมายและรัฐธรรมนูญก่อนว่าทำได้หรือไม่ได้

เนื่องจากเคยมีบางพรรคสอบถามมาก่อนแล้ว และคำตอบระบุว่า ที่ปรึกษาเป็นตำแหน่งที่อยู่ในพรรคการเมืองจึงไม่ได้ หากต้องเป็นสมาชิกพรรค และต้องเลือกเป็นพรรคเดียวเท่านั้น

กรณีนี้กกต.น่าจะต้องพิจารณาและชี้แจงให้ชัดเจนยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ในความเห็นของสมาชิกกกต.ในความเคลื่อนไหวทางพรรคการเมืองขณะนี้ต่อผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีปัจจุบัน แม้ไม่จำเป็นต้องลาออกจากตำแหน่ง แต่ควรพึงระวังจะต้องไม่ใช้ตำแหน่งหน้าที่เพื่อไปสนับสนุนพรรคใดพรรคหนึ่งเป็นพิเศษ เพราะอาจทำให้เกิดข้อได้เปรียบเสียเปรียบขึ้น

ส่วนกรณีที่กลุ่มการเมืองบางกลุ่มแถลงถึงนโยบายของพรรคไปแล้ว จะเข้าข่ายขัดคำสั่งคสช.หรือไม่นั้น กกต.ระบุว่าเป็นอำนาจการพิจารณาของคสช.

แนวทางการกำกับดูแลความเคลื่อนไหว ดังกล่าวจึงดูมีลักษณะทับซ้อนกัน ระหว่างกกต. กับ คสช.

ภาวะดังกล่าวนี้เสี่ยงต่อการเป็นเงื่อนไขให้เกิดความลักลั่นและไม่เท่าเทียมขึ้น ซึ่งจะไม่เป็นผลดีต่อการฟื้นฟูบรรยากาศทางประชาธิปไตย

เนื่องจากต้นเหตุแห่งการกำเนิดคสช.นั้นมาจากคณะบุคคล ดังนั้นการควบคุมความคิดและความเคลื่อนไหวของคนหมู่มากจึงไม่เป็นไปตามแนวทางประชาธิปไตย

แม้ว่าจะใช้ข้ออ้างเรื่องการรักษาความสงบเรียบร้อย การหย่าศึกความขัดแย้ง แต่มาถึง ณ วันนี้ เมื่อมีกิจกรรมทางการเมืองที่ถึงขั้นยื่นจดทะเบียนชื่อพรรคแล้ว การเดินหน้าสู่บรรยากาศแสดงความคิดเห็นและตรวจสอบกันก็ควรได้รับการเพิ่มความสำคัญขึ้น

หากมีการปลดล็อกกิจกรรมทางการเมือง จึงจะลดทอนความได้เปรียบเสียเปรียบลง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน