ฟังกี่ครั้ง…ก็เจ็บ!! เสียง “มึนอ” ภรรยาบิลลี่ ผู้รอคอยความเป็นธรรมที่ยังมาไม่ถึง

“ชาตินี้ทั้งชีวิต คงลืมเรื่องนี้ไม่ลง”

เป็นเวลากว่า 2 ปี 4 เดือนแล้วที่นายพอละจี รักจงเจริญ หรือบิลลี่ นักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน แกนนำชาวบ้านกะเหรี่ยงบ้านบางกลอย และสมาชิก อบต.ห้วยแม่เพรียง อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย เหลือเพียงครอบครัวที่ต้องดำเนินชีวิตกับบาดแผลทางใจไปชั่วชีวิต ซึ่งวลีข้างต้นคงเป็นวลีที่บอกแทนความในใจของ น.ส.พิณนภา พฤษาพรรณ หรือ มึนอ ผู้เป็นภรรยาของบิลลี่ได้ชัดเจนที่สุด ความรู้สึกที่ไม่อาจก้าวข้ามความเจ็บปวด แต่ต้องเข้มแข็งและรับมันให้ไหว

มึนอ เล่าว่า ตอนนี้ความเป็นอยู่ของครอบครัวลำบากมาก เพราะค่าใช้จ่ายไม่พอ ต้องช่วยกันทำมาหากิน ทุกวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ลูกๆ จะช่วยกันทำงานแบ่งเบาภาระ ปัจจุบันทำอาชีพทอผ้ากับทำไร่ ล่าสุดก็มีเจ้าหน้าที่จากบ้านพักเด็กและครอบครัว จ.เพชรบุรี เข้ามาติดต่อขอหลักฐานเกี่ยวกับลูก เพื่อทำเรื่องขอทุนการศึกษาให้ ส่วนเรื่องคดีพี่บิลลี่ก็ไม่มีความคืบหน้า ทางสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ไม่แจ้งความคืบหน้าให้ทราบมาหลายเดือนแล้วว่าเรื่องที่ร้องเรียนไปได้ดำเนินการไปถึงไหนแล้ว ตอนนี้วางแผนไว้ว่าถ้ามีเวลาว่างจะส่งไปรษณีย์ไปถามว่าตอนนี้คดีดำเนินการเป็นอย่างไรบ้าง เคยมีเพื่อนบ้านบอกกับเราว่า ในเมื่อเรื่องมันผ่านไปแล้ว ก็ไม่ต้องไปดิ้นรนให้เสียเวลา แต่เราอยากรู้สาเหตุ อยากรู้ความจริงว่าเป็นอย่างไรกันแน่

ผู้หญิงคนหนึ่งต้องแบกรับภาระที่หนักอึ้ง จากการหายตัวไปของเสาหลักครอบครัว ดั่งคลื่นลูกใหญ่ที่ถาโถมเข้ามาอย่างไม่ทันตั้งตัว พัดพาเอาเอาความสวยงามไปจากชีวิต เหลือทิ้งไว้เพียงความเสียหายทางใจที่ไม่อาจทดแทนได้ด้วยการเยียวยา

มึนอ เล่าต่อว่า ทุกวันนี้ลูกก็ยังถามว่า เมื่อไหร่พ่อจะกลับมา ทำไมคนนั้นทำกับพ่อแบบนี้ ทั้งที่พ่อไม่ได้ทำอะไรให้เขาเจ็บปวดเลย เราได้แต่บอกว่า ถ้าคิดถึงพ่อให้เป็นเด็กดี ตั้งใจเรียน เขาก็ถามว่า ถ้าเขาทำแล้วพ่อจะกลับมาไหม เราไม่รู้จะตอบเขาว่าอย่างไร

“ตอนนี้เราไม่รู้จะทำอะไรแล้ว รู้สึกไม่มีความหวังเลย พี่บิลลี่คงไม่มีวันกลับมา หากยังมีชีวิตอยู่ เขาต้องดิ้นรนเพื่อติดต่อกลับมาหาครอบครัว พี่บิลลี่เคยบอกกับเราตอนยังอยู่ด้วยกันว่า ถ้าวันหนึ่งเขาหายไป ไม่ต้องเป็นห่วงหรือตามหา เพราะเขาถูกฆ่าตายแน่นอน เราเฝ้าคิดว่าทำไมเรื่องนี้ต้องมาเกิดกับเรา การไม่มีพี่บิลลี่อยู่มันทำให้รู้สึกว่าชีวิตไม่มีคุณค่า แต่ก็ต้องเข้มแข็งเพื่อครอบครัว ส่วนหนึ่งในหัวใจมันเหมือนทำใจได้ แต่อีกส่วนหนึ่งเรารู้ดีว่ามันยังทำใจไม่ได้ คิดว่าชาตินี้ทั้งชีวิตก็คงลืมเรื่องนี้ไม่ลง ได้แต่บอกตัวเองให้ปล่อยวาง เพราะเรื่องมันเกิดขึ้นแล้ว ทำอะไรไม่ได้แล้ว เราเชื่อว่ากรรมใดใครก่อกรรมนั้นคืนสนอง” มึนอ เล่าด้วยเสียงสั่นเครือ

จนถึงทุกวันนี้ความยุติธรรมที่ครอบครัวของบิลลี่เรียกร้องยังไม่ปรากฎ แต่ละ วันเดือนปี ที่ผ่านพ้น ทุกวินาทีของผู้ที่รอคอยคือความทรมาน หากเรารอคอยอย่างรู้จุดหมายมันคงเป็นช่วงระยะเวลาหนึ่งที่ต้องอดทน แต่การรอคอยอย่างไม่มีวันสิ้นสุด ไม่มีแม้ความหวังมาหล่อเลี้ยงจิตใจ ต้องใช้ความอดทนมากมายแค่ไหน เป็นเรื่องที่ไม่มีใครเข้าใจหากไม่ได้ประสบกับตัวเอง

ภรรยาของบิลลี่ เล่าอีกว่า ในฐานะที่เป็นคนธรรมดา ไม่มีอำนาจหรือเงินทองพอจะดึงดูดให้คนมาช่วยเหลือ เราคิดว่าตอนนี้มีโอกาสน้อยมากที่จะได้รับความเป็นธรรม เพราะเรื่องเกิดมา 2 ปีกว่าแล้วยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ ตอนนี้คิดอะไรไม่ออก ไม่รู้จะทำอย่างไร ในใจลึกๆ ยังตั้งความหวัง แต่ก็รู้ว่าพี่บิลลี่คงไม่มีวันกลับมา บางครั้งเราทำบุญก็ภาวนาให้ความเป็นธรรมเกิดขึ้นสักที ขอให้เขานำตัวคนที่ทำผิดมารับโทษได้สำเร็จ อยากฝากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเร่งติดตามคดีพี่บิลลี่ ให้จบแบบกระจ่าง ไม่ใช่จบแบบไม่รู้อะไรเลย แค่อยากรู้ว่าสรุปแล้วตอนนี้พี่บิลลี่เป็นอย่างไร และอะไรเป็นสาเหตุของเรื่องนี้กันแน่

หากพลังเสียงที่ตะโกนออกไปนั้นไม่ดังพอให้สังคมหันมอง ก็คงกลายเป็นเสียงแว่วลอยผ่านอากาศก่อนจะจางหายไป หนึ่งชีวิตที่ถูกมองข้าม อาจเป็นชีวิตที่แสนมีค่าสำหรับใครบางคน ครอบครัวหนึ่งที่ต้องทรมานจากความคิดถึง และห่วงหา เด็กบริสุทธิ์ถูกทำร้ายทางจิตใจอย่างสาหัส มีเพียงสิ่งสุดท้ายที่พวกเขาจะทำได้คือร้องขอความเป็นธรรมให้กับคนที่รักเท่านั้น

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน