วันมหาสงกรานต์ ตรงกับวันเสาร์ที่ 14 เม.ย. เวลา 09.10.48 น. ด้วยนางสงกรานต์ ทรงนามว่า นางมโหธรเทวี ทรงพาหุรัดทัดดอกสามหาว (ผักตบชวา) อาภรณ์แก้วนิลรัตน์ ภักษาหารเนื้อทราย หัตถ์ขวาทรงจักร หัตถ์ซ้ายทรงตรีศูล เสด็จยืนมาเหนือหลังนกยูง เป็นพาหนะ บ้านเมืองจะประสบเหตุเช่นใด มีคำทำนาย ดังนี้

บุศรินทร์ ปัทมาคม

โหราจารย์และคอลัมนิสต์

หลังจากวันสงกรานต์ปีนี้ไปแล้วดวงเมือง และดวงนายกฯ ผู้นำประเทศจะเป็นอย่างไรนั้น ผมขอตอบว่า ตามจังหวะชีวิต หรืออายุที่ล่วงไป

นายกฯ ดวงตก หรือเป็นช่วงชะตาขาลง นับจากวันเกิดปีนี้

แต่ดวงเมือง เป็นช่วงดวงดีหรือเป็นช่วงชะตาขาขึ้น นับจากวันเกิดปีนี้เหมือนกัน

จังหวะชีวิต (ทักษาจร) ของนายกฯ อายุย่าง 65 ปี ไปเมื่อวันที่ 21 มี.ค. 2561 เมื่อนำมาหาทักษาจร หรือจังหวะชีวิตจะตกปูมดาวพฤหัสฯ เป็นบริวารจร และมีดาวเสาร์ เป็นกาลกิณีจร

ถ้าตกปูมในลักษณะนี้ ทางโหราศาสตร์เรียกว่า ช่วงชะตาขาลง หรือดวงตก การนับทักษาจร นับดังแผนปูมทักษาจร นายกฯ เกิดวันอาทิตย์ ต้องเริ่มนับ 1 ปีหรือ 10 ปีที่ดาวอาทิตย์

ถ้าตกปูมดาวพฤหัสฯ เป็นช่วงชะตาขาลง แต่ถ้าขึ้นไปปูมดาวจันทร์ เป็นช่วงชะตาขาขึ้น

ในการทำนาย โหรจะต้องใช้ “ดวงเดิม” เป็นหลักตั้งรับ “ดาวจร” โดยจะต้องนำเอาจังหวะชีวิต (ทักษาจร) มาร่วมพิจารณาด้วย

ดวงเดิมของนายกฯ “บิ๊กตู่” ลัคนา (ลั) อยู่ในราศีมีน มีดาวเสาร์ เป็นดาววิบากกรรมอยู่ในเรือนมรณะ แต่ในปีนี้ดาวเสาร์ จรโคจรมาเข้าอยู่ในเรือนการงานของท่าน ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค. 2560

เมื่อท่านอายุย่าง 65 ปี ดาวเสาร์เปลี่ยนปูมเป็นกาลกิณีจร โคจรอยู่ในเรือนการงาน (กัมมะ) ต้องทำนายว่าดาวเสาร์ จะรังแกดวงชะตานายกฯ รุนแรงหนักขึ้น ตั้งแต่วันเกิดปีนี้เป็นต้นไป เป็นเวลายาวนานถึง 1 ปี ระหว่างวันที่ 21 มี.ค. 2561 ถึง 21 มี.ค. 2562

นักโหราศาสตร์ หรือโหรจะต้องทำนายว่า ท่านจะต้องงานหนักและไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่คาดหวังไว้ หรือจะต้องมีความเครียดความทุกข์ในเรื่องงานยิ่งขึ้นไปทุกวัน โดยเฉพาะเมื่อดาวอาทิตย์ จรโคจรเข้าไปในเรือนอริ ระหว่างวันที่ 17 ส.ค. ถึง 18 ก.ย. 2561 และอีกช่วงหนึ่งระหว่างวันที่ 16 ต.ค. ถึง 17 พ.ย. 2561 ตอนที่ดาวอาทิตย์จรโคจรเข้าเรือนมรณะ

จังหวะชีวิตดาวพฤหัสฯ จรโคจรเข้าไปในเรือนมรณะด้วย ตั้งแต่วันที่ 14 เม.ย. 2561 หรือหลังวันสงกรานต์ไปแล้ว เรือนมรณะเป็นเรือนชะตาที่เสีย เมื่อดาวพฤหัสฯ ซึ่งเป็นดาวพระเคราะห์ดวงใหญ่หรือดาวพระเคราะห์หลัก โคจรไปอยู่ในเรือนชะตาที่เสีย ต้องอ่านว่าเป็นช่วงชะตาขาลง เห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้นตามลำดับ

คำทำนายเรื่องบริวารจร ตกเรือนมรณะ ก็คือลูกน้องจะห่างเหิน หรือคนที่จะอุ้มท่านเป็นนายกฯ ต่อไป ช่วงนี้จะน้อยลง ส่วนงานก็จะหนักยิ่งขึ้น สวนทางกับความจริงใจของบริวาร

ปัญหาต่างๆ ในเรื่องงานจะหนักและยุ่งยากมากกว่าที่คิด หรือกว่าที่คาดหวังไว้

ภาษาจินดามณี “ท่านว่าเหงื่อตกกีบ” นั่นแหละ หรือ “ล้อเกวียนจมโคลน” นั่นแหละ ความเหนื่อยยากเช่นนี้จะยืนยาวไปจนถึง 21 มี.ค. 2562 เป็นอย่างน้อย หรือไปจนถึงอายุครบ 65 ปี

สรุปว่า จังหวะชีวิตของนายกฯ “ตู่” หลังสงกรานต์นี้จะ ไม่ดี สถานการณ์ด้านการงานก็จะเลวร้ายลงไป งานไม่ราบรื่น หรืองานทำดีก็ไม่ได้ดี ต้องเข็นงานเหมือนรถวิ่งไปบน โคลนตม ไม่สดสวยเหมือนอย่างที่คิดหรอกครับ

ดวงเมือง ลัคนา (ลั) อยู่ในราศีเมษ มีดาวอาทิตย์ บริวารกุมลัคนา (ลั)

จังหวะชีวิตของดวงเมือง ที่ผ่านมาจนถึงวันเกิดดวงเมืองวันที่ 21 เม.ย. 2561 อายุของดวงเมือง เท่ากับ 2560-2325=235+1=236 ปี การนับทักษาจร ต้องนับจากอายุย่าง ที่ผ่านมานับอายุย่างได้ 236 ปี

นับทักษาจรเมื่อปีที่แล้วจนถึงวันเกิดของปีนี้ตกปูมดาวพฤหัสฯ เป็นบริวารจร และดาวเสาร์ เป็นกาลกิณีจร เหมือนกับดวงนายกฯ โดยนับทักษาจรได้ดังนี้

ดวงเมืองเกิดวันอาทิตย์เหมือนกัน แต่กาลเวลาล่วงไปเป็น 237 ปี

ปี 2560 จนถึงวันเกิดปีนี้ อายุของดวงเมืองอยู่ในช่วงชะตาขาลงหรือดวงตก ดาวเสาร์ ซึ่งเป็นมูละ (การเงิน) เป็นกาลกิณีจร ประเทศไทยจึงพบกับสภาพเศรษฐกิจตกต่ำ การเงินขัดสนอย่างที่ชาวบ้านร้านตลาดก็ได้เห็นฤทธิ์ เรื่องจังหวะชีวิตดังกล่าวมาแล้ว หลังจากวันเกิดปีนี้ วันที่ 21 เม.ย. 2561 ดวงเมืองจะอายุย่าง 237 ปี นับทักษาจรแล้ว ตกปูมดาวจันทร์ เป็นบริวารจร มีดาวเสาร์ เป็นศรีจร และดาวอาทิตย์ บริวารเดิม เป็นกาลกิณีจร

การที่ดาวอาทิตย์ บริวารเดิมเป็นกาลกิณีจรนั่นคือ “ประชาชนจะควบคุมยาก” น่าเป็นห่วงผู้ควบคุมความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง

จากเรื่องทักษาจร หรือจังหวะชีวิต ทำให้มองภาพบ้านเมืองได้ว่าดวงชะตาจะดีขึ้น ประชาชนจะหัวแข็งและออกมาทำให้เกิดความไม่สงบมากขึ้น โดยรวม ชะตาชีวิตของดวงเมืองจะดีขึ้น และดวงจะตกลงไปบ้างระหว่างวันที่ 7 ต.ค. 2561 ไปจนถึง 12 มี.ค. 2562 เนื่องจาก ในช่วงนั้น ดาวพฤหัสฯ จรโคจรเข้าไปอยู่ในเรือนมรณะของดวงเมือง พอดี

อ่านได้ว่าความวุ่นวายในระยะเวลาก่อนวันเลือกตั้งจะต้องรุนแรงยิ่งขึ้น ผู้นำประเทศจะต้องเหน็ดเหนื่อยเป็นอย่างมาก หรือน่าเป็นห่วงว่าบรรยากาศทางสังคม มีแนวโน้มว่าจะกระทบโรดแม็ปของนายกฯ หรือรัฐบาลชุดนี้ด้วย

ดวงเมืองจะตกลงไปบ้าง ระหว่างวันที่ 16 ก.ค. ถึง 17 ส.ค. 2561 ช่วงเวลาดังกล่าวดาวอาทิตย์ จรโคจรเข้ามาร่วมกับดาวราหู ซึ่งอยู่ในเรือนพันธุของดวงเมือง มีแนวโน้มว่าประเทศไทยจะสูญเสียผู้ใหญ่ของบ้านเมือง

ระหว่างวันที่ 17 ส.ค. ถึง 18 ก.ย. 2561 ประเทศไทยมีแนวโน้มว่าจะเสียเครดิตในสังคมนานาชาติอีกด้วย

ดวงจะตกมากที่สุดในรอบปีคือระหว่างวันที่ 16 ต.ค. ถึง 17 พ.ย. 2561 เมื่อดาวอาทิตย์ จรโคจรมาเล็งลัคนา (ลั) ของดวงเมือง

โดยสรุปคำทำนายของผมก็คือ หลังจากวันสงกรานต์ปีนี้ไปแล้ว รัฐบาลจะต้องเหน็ดเหนื่อยหรือยุ่งยากในการบริหารประเทศ นายกฯ จะควบคุมสถานการณ์ได้ยากยิ่ง บรรดาผู้สนับสนุนนายกฯ จะหมดกำลังใจ

ส่วนดวงเมือง สถานการณ์ทั่วไปจะดีขึ้น งานจะมีมากขึ้น แต่ประชาชนจะทำความลำบากใจให้แก่ผู้นำประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะดวงเมืองจะตกหรือสังคมจะยุ่งเหยิงปกครองยาก ระหว่างวันที่ 7 ต.ค. 2561 ถึง 12 มี.ค. 2562 ซึ่งเป็นช่วงหาเสียงเลือกตั้งพอดี

โสรัจจะ นวลอยู่

นอสตราดามุสเมืองไทย

ภาพรวมดวงเมืองหลังสงกรานต์ช่วงเข้าสู่เดือนพ.ค. ยังน่าห่วงอยู่ ดวงดาวหลักๆ ยังทำมุมต่อกันอยู่ทั้งหมด ดาวดวงใหญ่อย่างดาวมฤตยู ก็ยังอยู่ในราศีเมษ ที่เป็นลัคนาดวงเมือง ที่เข้ามาสักระยะแล้ว และจะอยู่ต่อไปจนครบ 7 ปี

พอหลังสงกรานต์ ดาวดวงสำคัญอย่างดาวพฤหัสบดี จะย้ายจากราศีกันย์มายังราศีตุล เล็งลัคนาเมืองราศีเมษพอดี ไม่เพียงเท่านี้ ดาวที่น่าเป็นห่วงอีกหนึ่งดวง อย่างดวงอาทิตย์ ก็จะเคลื่อนครั้งละราศี ก็จะเคลื่อนเข้าสู่ราศีเมษ ช่วงกลางเดือนเม.ย.

นอกจากนี้ ดาวราหู ที่อยู่ในราศีกรกฎ และดาวเสาร์ ที่อยู่ในราศีธนู ต่างก็ทำมุมหักศอกกับดาวมฤตยู

ทั้งหมดนี้ ส่งผลให้ลัคนาเมืองจะยิ่งร้อนแรงมากขึ้น เมื่อดาวหลักๆ ดวงใหญ่ๆ ทั้ง 3 อย่าง ดาวมฤตยู ดาวพฤหัสบดี และดาวอาทิตย์ ทำมุมกับลัคนาเมืองราศีเมษพร้อมกัน ก็เปรียบเสมือนจุดเริ่มต้นของอะไรที่ไม่ดีจะเริ่มก่อ ตัวขึ้น แม้ที่ผ่านมา สถานการณ์ทางการเมืองไทย จะมีลักษณะเรื่อยๆ มาตลอดก็ตาม

สัญญาณเตือนเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้น จากจันทรุปราคา เมื่อวันที่ 31 ม.ค.ที่ผ่านมา ปรากฏการณ์ที่นานๆ ครั้งจะเกิดขึ้นนี้ได้มาเตือนเราแล้ว

ปี 2561 จึงเป็นปีที่ค่อนข้างน่ากลัวที่สุดปีหนึ่ง จากความสงบร่มเย็นจะกลายเป็นร้อน จะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันทันด่วน การซ้อนทับของดวงอาทิตย์กับดาวมฤตยู จะทำให้เกิดปฏิกิริยา ขัดแย้งทางความคิด ที่จะเห็นไม่ตรงกันโดยเฉพาะทางการเมือง

ผนวกกับอากาศที่ร้อนตามฤดูและที่จะร้อนมากกว่าปกติ จากอิทธิพลของดาวอาทิตย์ที่เข้ามาทับลัคนาเมือง จะยิ่งโหมให้อารมณ์ร้อนตามๆ กันไปด้วย

ผู้ใหญ่ในบ้านเมือง ไม่ว่าในรัฐบาล หรือนายกฯ เอง ต้องใจเย็นให้มากๆ ไม่ว่าจะเป็นคำพูด หรือการตัดสินใจในแต่ละเรื่อง ก็ต้องระมัดระวัง มิเช่นนั้น อาจกลายเป็นเงื่อนไขให้มีการเคลื่อนไหว

เรียกได้ว่า ถึงแม้ไม่ตั้งใจ แต่หากพลาดก็จะกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว

ยิ่งเมื่อย่างเข้าเดือนพ.ค. ทุกฝ่ายจะต้องใจเย็นให้มาก ต้องห้ามลืมว่า คำพูดเป็นนายเรา ช่วงที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือ หลังสงกรานต์ถึงปลายเดือนพ.ค. โดยระหว่างนั้น จะเกิดเหตุขึ้นเป็นระยะ เมื่อปัญหาหนึ่งจบ ปัญหาใหม่จะเกิดขึ้นมา

ปีนี้จะเป็นปีแห่งความไม่แน่นอน อาจเกิดอะไรขึ้นก็ได้ตลอดทั้งปี ช่วงพีกจะอยู่ที่เดือนพ.ค.กับเดือนต.ค. ที่อาจส่งผลให้มีการเปลี่ยนแปลงและรุนแรงที่อาจจะยิ่งใหญ่กว่าปี 2553 ก็ได้

ดังนั้น จึงสำคัญที่ผู้ใหญ่ในรัฐบาลจะต้องใจเย็นๆ ทำสมาธิ ทำบุญให้มากๆ ขณะเดียวกันควรระวังคนรอบตัวด้วย เรื่องทุจริตจะเกิดขึ้นเป็นระยะ การให้อภัยน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

เช่นเดียวกับเรื่องเศรษฐกิจ ก็จะรุนแรงชนิดที่ไม่เคยเจอกันมาก่อน ไม่ว่าที่ต่างประเทศ หรือในประเทศเองก็ตาม กระทบต่อปากท้องประชาชนกันถ้วนหน้า ทางแก้ก็ต้องทำบุญให้มากๆ โดยเฉพาะกับคนยากไร้ ช่วยเหลือโรงพยาบาล โรงเรียน

ส่วนการเลือกตั้งปีนี้ จะเป็นการแก้เคล็ดเรื่องอิทธิพลจากดวงดาวหรือไม่นั้น ผมไม่รู้ การเลือกตั้งยังคงไม่เกิดขึ้น เนื่องจากความเห็นยังคงไม่ตรงกัน และรัฐบาลยังมีงานที่ต้อง ทำอยู่

คฑา ชินบัญชร

หมอดูยิปซีพยากรณ์

จากการดูดวงเมืองจากไพ่ยิปซี พบว่ามีไพ่จักรพรรดิ ไพ่รถศึก ไพ่พระอาทิตย์ ไพ่ราชาดาบ และไพ่ 4 ถ้วย

โดยไพ่จักรพรรดิ และไพ่รถศึก หมายถึงงานด้านต่างประเทศ ฉะนั้น ตั้งแต่หลังสงกรานต์ไปแล้ว งานต่างประเทศ ติดต่อสื่อสาร ท่องเที่ยว การเกษตรและพาณิชย์จะเติบโต ส่วนเรื่องสังคม ต้องระวังตั้งแต่หลังวันที่ 13 เม.ย. ถึงปลายเดือนพ.ค. เป็นช่วงเดือนปะทะชนจะเกิดความขัดแย้ง รวมทั้งเรื่องเอกสาร คดีความต่างๆ จากนั้นในช่วงเดือนพ.ค.-ก.ค. ระมัดระวังเรื่องการเดินขบวน การประท้วง อาจไม่มีปัญหารุนแรง

จากไพ่จักรพรรดิ และไพ่พระอาทิตย์ แสดงว่า มีโอกาสสูงในการปรับเปลี่ยนครม. โดยเฉพาะช่วงเดือนมิ.ย.-ก.ย. เรียกได้ว่าเป็นโค้งสุดท้ายของคณะรัฐบาลนี้ก่อนมีการเลือกตั้ง

แต่ในปีนี้จะไม่มีการเลือกตั้งเกิดขึ้น โดยไพ่ยุติธรรมจะไปบังเกิดขึ้นในช่วงปี 2562 มีความล่าช้ากว่าโรดแม็ปของรัฐบาล คาดว่าเป็นช่วงเดือนก.ค.-พ.ย. 2562 ที่อาจหมายถึงการเลือกตั้ง หรือทางออกที่ประชาชนพอใจ หรือไม่ได้แปลว่าเป็นการเลือกตั้งก็ได้

ส่วนความวุ่นวายทางการเมืองก็อาจเกิดขึ้นได้ แต่เนื่องจากดาวอังคารกับดาวศุกร์ที่เป็นดาวคู่มิตรและถือเป็นดาวที่ดี อาจส่งผลพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส สถานการณ์ที่เกิดขึ้นอาจส่งผลต่อการเมืองในอนาคตที่ชัดเจนขึ้น อาจส่งผลคะแนนนิยมให้กับรัฐบาลได้ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจในเหตุการณ์ โดยหากเกิดขึ้นในช่วงเดือนพ.ค.-มิ.ย. จะเป็นผลต่อรัฐบาล

แต่หากเป็นช่วงเดือนก.ย.-ต.ค. รัฐบาลจะต้องระมัดระวังหน่อย

จากนี้การเมืองจะมีความเข้มข้นมากขึ้น ชัดเจนมากขึ้น แต่ไม่มีความแตกแยก คือชัดว่าฝ่ายไหนเป็นฝ่ายไหน มีเหตุการณ์ใหม่ๆ น่าติดตามมากขึ้น

ตามการทำนายชะตา หากเกิดอะไรที่แย่ๆ ผมอยากให้ทุกคนร่วมกันสวดมนต์ การสวดมนต์ไม่ได้แปลว่าทำให้ไม่เกิดเรื่อง เพียงแต่การสวดมนต์จะช่วยให้เราเข้าถึงพระธรรมคำสอน มีสติมากขึ้น รู้จักให้อภัย เกิดบารมีความดี บ้านเมืองจะมีทางแก้ไข ปัญหาจะราบรื่นขึ้น

พร้อมทั้งน้อมนำความดีของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้ง 10 ประการ ได้แก่ ทาน ศีล เนกขัมมะ ปัญญา วิริยะ ขันติ สัจจะ อธิษฐาน เมตตาและอุเบกขา

ผู้ปกครองบ้านเมือง และประชาชนควรนำมาใช้ ส่วนการทำให้ดวงเมืองมีความสุข นอกจากจะสวดมนต์แล้วก็ยังมีชัยมงคลคาถา 8 ประการด้วย เชื่อว่าทุกอย่างจะผ่านไปได้ด้วยดี

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน