หากติดตามกระบวนการไหวเคลื่อน “โครงการไทยนิยม”ก็จะรับรู้ในความมั่นใจของ “พรรคคสช.”มากยิ่งขึ้นเป็นลำดับ

เหมือนกับจะเลียนกลยุทธ์ตอน”ประชามติ”

เพราะว่ากลยุทธ์ผนึกพลัง พลเรือน ตำรวจ ทหาร โดยมีกำลังจาก “รด.รุ่นใหม่”เป็นตัวขับเคลื่อนสามารถสร้างความสำเร็จผ่าน 16 ล้านเสียงได้อย่างงดงาม

แต่หากติดตามและลงลึกไปภายในรายละเอียดในแต่ละขั้นตอนก็จะสัมผัสได้ในความลึกซึ้ง

เมื่อเดือนสิงหาคม 2559 อาจมี “กกล.รส.”เป็นแกนหลัก

แต่พอมาถึง”โครงการไทยนิยม”จะเห็นการเปิดตัวและรับลูกระหว่าง “พลเรือน” กับ “ทหาร”อย่างเป็นระบบ

หากไม่ทำเช่นนี้”ไทยนิยม”ก็ย่อมจะ”ไม่ยั่งยืน”

หัวหมู่ทะลวงฟันในการ”นำร่อง”โครงการไทยนิยมเป็นบทบาทของ พลเรือนโดยกระทรวงมหาดไทย

เท่ากับ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา เป็นแม่ทัพหน้า

ไล่ตั้งแต่ปลัดกระทรวง กรมการปกครอง ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน

ด้วยเงินงบประมาณ “มหาศาล”

ผ่านจากกระทรวงมหาดไทยก็เป็นบทบาทของกระทรวงกลาโหม โดย “กองทัพบก” เป็นกำลังสำคัญ

นี่ย่อมเป็น “ทัพหลวง”

ผ่านกระบวนการอย่างที่เรียกกันว่าชุดปฏิบัติการกิจการพล เรือน มณฑลทหารบก(ชป.กร.มทบ.)

จากมทบ.ลงไปยังจทบ.

เท่ากับ “ทหาร”ลงไปในรายละเอียดขยายผลให้กับงานของ

“พลเรือน” คือ กระทรวงมหาดไทย

ถามว่าแล้วใครเป็นคนคอยเก็บเกี่ยวผล

ผ่านจากกระทรวงมหาดไทยไปยังกระทรวงกลาโหม โดยชุดปฏิบัติการพลเรือนลงไปในทุกพื้นที่

เท่ากับวางโครงข่ายของ”ไทยนิยม”

พรรคการเมืองใดเล่าที่ชูธงในเรื่อง “ประชารัฐ” พรรคการเมืองใดเล่าที่ชูธงในเรื่อง”ไทยนิยม” นั่นย่อมเป็นพรรคการ เมืองที่รอคอยการเก็บเกี่ยวผล

คว่ำ”เพื่อไทย” คว่ำ”ประชาธิปัตย์”ลงไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน