นายธนากร ธนวริทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในวันที่ 10 ต.ค.นี้ บริษัทได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) พิจารณาเพื่อเตรียมเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 25% จากทุนจดทะเบียนปัจจุบันที่ 410 ล้านบาท เป็น 560 ล้านบาท โดยวัตถุประสงค์ของการขายหุ้นเพิ่มทุนครั้งนี้ เพื่อนำเงินไปขยายธุรกิจที่กำลงขยายตัว และบางส่วนจะนำไปชำระหนี้เงินกู้ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีอัตราหนี้สินต่อทุนอยู่ที่ 3.5 เท่าของทุน
ในขณะเดียวกันเพื่อให้บริษัทขยายการเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยในขนาดที่ใหญ่ขึ้น ทำให้ล่าสุดบริษัทได้ร่วมทุนกับพันธมิตรญี่ปุ่น 2 รายคือ บริษัท เจอาร์ คิวชู และ บริษัท ฮูซิเออร์ส โฮลดิ้งส์ จำกัด ภายใต้ บริษัท เอเอชเจ เอกมัย จำกัด โดยมีสัดส่วนการถือหุ้นที่ 51:20:29 ตามลำดับ เพื่อพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในย่านเอกมัยบนพื้นที่ 3 ไร่ และพร้อมจะเปิดขายโครงการในปี 2562 ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการออกแบบ
อย่างไรก็ดี การร่วมทุนกับ 2 กลุ่มในครั้งนี้จะเป็นการร่วมทุนในแต่ละโครงการๆ ไป ซึ่ง เจอาร์ คิวชู ในฐานะผู้ดำเนินธุรกิจเดินรถไฟฟ้าสายเจอาร์ไลน์ ในประเทศญี่ปุ่น เป็นบริษัทที่มีกระแสเงินสดค่อนข้างสูงและมีรายได้ปีละกว่าแสนล้านบาท ส่วนฮูซิเออร์ มีรายได้ปีละ 20,000-30,000 ล้านบาท ซึ่งทั้ง 2 รายเป็นพันธมิตรที่มาจากการแนะนำโดยธนาคารกรุงศรีอยุธยา และมีความตั้งใจที่จะขยายลงทุนในไทยอย่างต่อเนื่องอีกด้วย
“ย่านทองหล่อเอกมัยมีบริษัทร่วมทุนกับญี่ปุ่นอยู่หลายราย แต่เนื่องจากที่ดินมีจำนวนจำกัด และมีความต้องการซื้อจาก 3 กลุ่มคือ คนไทยที่ซื้อเพื่ออยู่เอง กลุ่มซื้อเพื่อการลงทุน และชาวต่างชาติ”
นายธนากรกล่าวว่า สำหรับผลประกอบการ 6 เดือนแรกของปีนี้ บริษัทมียอดขายแล้ว 8,000 ล้านบาท จากการเปิดขายโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ในปีนี้ 5 โดยจะสามารถรับรู้รายได้จากส่วนนี้รวมแล้ว 5 โครงการ มูลค่ารวม 7,200 ล้านบาท ขณะที่ครึ่งปีแรกมีรายได้แล้ว 1,150 ล้านบาท มากกว่ารายได้ปีที่แล้วทั้งปีที่ 714 ล้านบาท
ด้านนายสมชาย ชาญธนเวทย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออล อินสไปร์ฯ กล่าวถึงกรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เตรียมออกเกณฑ์ LTV ใหม่ 20% ว่า ไม่กระทบลูกค้าบริษัท เนื่องจากเป็นกลุ่มที่ซื้อเพื่ออยู่เอง
