นายเอเดรียน ลี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไรมอน แลนด์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทยังคงเดินหน้าตามแผนเข้าซื้อทรัพย์สินและกิจการของบริษัท เคพีเอ็น แลนด์ จำกัด (KPNL) แม้ว่านายณพ ณรงค์เดช ได้ยื่นฟ้องศาลแพ่ง ขอให้ดำเนินคดีในข้อหาละเมิดและใช้สิทธิโดยไม่สุจริตในการจัดการ บริษัท กับบริษัท เคพีเอ็น โฮลดิ้ง จำกัด (KPNH) จำเลยที่ 1 พร้อมพวกรวม 5 คน ประกอบด้วย นายกฤษณ์ ณรงค์เดช จำเลยที่ 2, นายกรณ์ ณรงค์เดช จำเลยที่ 3, นายระวี ธาตุนิยม จำเลยที่ 4 และบริษัท เคพีเอ็น แลนด์ จำกัด (KPNL) จำเลยที่ 5 จะไม่กระทบต่อกระบวนการเข้าลงทุนของบริษัท โดยคาดกระบวนการเข้าลงทุนทั้งหมดจะเสร็จสิ้นภายในปี 2561 เนื่องจากบริษัทได้ดำเนินการถูกต้องตามขั้นตอนของกฎหมายทุกประการ ขณะที่ปัญหาดังกล่าวของทาง KPNL ถือเป็นปัญหาภายในครอบครัว

สำหรับแผนดำเนินงานไตรมาส 4 บริษัทเตรียมเปิดขายโครงการคอนโดมิเนียมร่วมทุนกับบริษัท โตเกียว ทาเทโมโนะ ซึ่งเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น โดยที่ผ่านมาขยายการลงทุนในภูมิภาคเอเชียรวมแล้ว 5 ประเทศ ด้วยการร่วมทุนกับพันธมิตรท้องถิ่น ประกอบด้วยจีน สิงคโปร์ มาเลเซีย เมียนมาร์ และอินโดนีเซีย ขณะที่การร่วมทุนกับบริษัทในครั้งนี้ เบื้องต้นจะมีการพัฒนาคอนโดมิเนียมรวม 2 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 9,200 ล้านบาท ประกอบด้วยโครงการดิ เอสเทลล์ พร้อมพงษ์ มูลค่าโครงการ 5,000 ล้านบาท บนที่ดินเกือบ 2 ไร่ เป็นคอนโดมิเนียม 37 ชั้น ประกอบด้วยห้องชุดรวม 157 ยูนิต เป็นห้องชุดแบบซิมเพล็กซ์ เพดานสูง 3.15 เมตร และดูเพล็กซ์ เพดานสูง 6 เมตร ราคาเริ่มต้นยูนิตละ 15.5 ล้านบาท จะเปิดขายในวันที่ 28 ต.ค.นี้

และโครงการเทตต์ ทเวลฟ์ สาทร 12 เป็นคอนโดมิเนียม 40 ชั้น บนที่ดินเกือบ 2 ไร่ มูลค่าโครงการ 4,200 ล้านบาท ประกอบด้วยห้องชุดรวม 238 ยูนิต เป็นห้องเพดานสูง 3 และ 3.15 เมตร ราคาเริ่มต้นตร.ม. 2.5 แสนบาท ราคาขายยูนิตเริ่มต้น 7.6 ล้านบาท โดยจะเปิดขายในวันที่ 3-4 พ.ย.นี้ ซึ่งทั้ง 2 โครงการ จะเริ่มก่อสร้างในครึ่งแรกของปี 2562 และคาดจะแล้วเสร็จในปี 2565 โดยในช่วงวันเปิดตัวคาดว่าจะมียอดขาย 30-40%

ด้านแนวโน้มผลประกอบการในช่วงไตรมาส 4 คาดว่าจะทำรายได้จะสูงสุดของปี เนื่องจากจะมีการรับรู้ยอดขายรอโอน ของโครงการเดอะ ดิโพลแมท 39 และโครงการเดอะ ดิโพลแมท สาทร ซึ่งสิ้นเดือนก.ย.ที่ผ่านมา บริษัทมียอดขายรอรับรู้รายได้รวมประมาณ 6,900 ล้านบาท โดยเป็นยอดขายของบริษัทจำนวน 5,600 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้ภายในปีนี้ประมาณ 300-500 ล้านบาท ส่วนที่เหลือเป็นยอดขายรอรับรู้รายได้ของ KPNL จำนวน 1,300 ล้านบาท จะทยอยรับรู้ในปีนี้ทั้งหมด ขณะที่สินทรัพย์ที่จะได้มาจากการเข้าลงทุนใน KPNL ประกอบด้วย 1.โครงการ S19 ปัจจุบันมียอดขายแล้ว 20% คาดจะสร้างเสร็จในปี 2565 ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพัฒนา มีเนื้อที่รวมทั้งสิ้นประมาณ 1 ไร่เศษ และโครงการ S28 สุขุมวิท ซอย 28 มีเนื้อที่รวมประมาณ 2 ไร่เศษ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน