นายปิติ จารุกำจร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโสฝ่ายพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมและบริหารกลยุทธ์ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แสนสิริ, โตคิว กรุ๊ป ประเทศญี่ปุ่น และ สห โตคิว คอร์ปอเรชั่น ร่วมทุนในสัดส่วน 70:29:1 ตามลำดับ เพื่อพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมสำหรับคนรักสุขภาพ หรือเวลเนส เรสซิเดนซ์ บนพื้นที่ 7 ไร่ บริเวณถนนกรุงเทพกรีฑา พร้อมกันนี้ยังได้โรงพยาบาลสมิติเวช ร่วมเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์มอบบริการด้านสุขภาพเพื่อสนองความต้องการของลูกค้ากลุ่มเป้าหมายที่เป็น Well-Care โครงการที่อยู่อาศัยที่จะทำให้ตนเองรักษาสุขภาพดีที่ยืนยาว รวมทั้งมีเพื่อน มีสังคมที่มีความต้องการอย่างเดียวกัน คือนอกจากจะส่งเสริมการใช้ชีวิตที่ให้ความสำคัญในเรื่องสุขภาพแล้ว ยังจะเป็นการสร้างชุมชน “Wellness Community” ที่จะช่วยให้สามารถดูแลสุขภาพในองค์รวมได้อย่างครบวงจร

โดยบริษัทมีเป้าหมายจะยกระดับการพัฒนาโครงการกังกล่าวสู่การรับรองมาตรฐานระดับโลก WELL Certification จากอเมริกาอีกด้วย สำหรับรายละเอียดโครงการในเบื้องต้นจะประกอบด้วย คอนโดมิเนียม 3 อาคาร และคลับเฮ้าส์พร้อมที่จอดรถอีก 1 อาคาร มูลค่ารวม 2,400 ล้านบาท โดยจะเปิดขายในปี 2562 ปละจะเป็นโครงการต้นแบบ ก่อนจะขยายไปยังทำเลอื่นที่มีศักยภาพ โดยกลั่มเป้าหมายหลัก 80% ยังเป็นคนไทย ปละ 20% เป็นลูกค้าต่างชาติ ประกอบด้วย จีน ฮ่องกง ไต้หวัน สิงคโปร์ และ ญี่ปุ่น

อย่างไรก็ดี เมื่อพิจารณาถึงการปรับขึ้นของราคาโครงการที่อยู่อาศัยที่ได้รับมาตรฐาน WELL Certification เบื้องต้น มี 2 แห่ง โดยแห่งแรกเป็นโครงการที่อยู่อาศัยระดับอัลตร้าลักซ์ชัวรี่ เรสซิเดนซ์ จำนวน 13 ยูนิตในนิวยอร์ค ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยราคาขายต่อตร.ม. 760,000 บาท ซึ่งมีการเพิ่มขึ้นของราคาประมาณ 15% ส่วนอีกโครงการอยู่ประเทศจีน เป็นคอนโดมิเนียมสูง ประกอบด้วยห้องชุดรวม 1,400 ยูนิต โดย 40% ของผู้ซื้อต้องการอยู่อาศัยอย่างมีสุขภาพที่ดี ที่สำคัญการเพิ่มขึ้นของราคาคอนโดในช่วง 5 เดือนหลังจากเปิดตัว เฉลี่ยที่ 21% เมื่อเทียบกับราคาอสังหาฯ ในโครงการทั่วไปซึ่งมีหารปรับขึ้นเฉลี่ย เพียง 4%

สำหรับแผนการดำเนินงานในช่วงที่เหลือของปีนี้ จะเปิดอีก 4 โครงการ มูลค่ารวม 10,000 ล้านบาท ประกอบด้วยคอนโดมีเนียมสไตล์รีสอร์ท ที่หัวหิน มูลค่า 2,300 ล้านบาท โครงการเดอะไลน์ พหลโยธิน พาร์ค มูลค่า 5,000 ล้านบาท และ โครงการทาวน์โฮม สิริเพลส 2 โครงการ มูลค่ามากกว่า 2,000 ล้านบาท ซึ่งบริษัทยังมั่นใจยอดขายปีนี้ทำได้ตามเป้า 50,000 ล้านบาท จาก 9 เดือนทำยอดขายรวมแล้ว 41,500 ล้านบาท

ส่วนกรณีมาตรการควบคุมอสังหาริมทรัพย์ ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในระยะสั้นจะส่งผลเชิงบวกทำให้ลูกค้าเร่งโอนมากขึ้นก่อนมาตรการจะมีผลบังคับใช้ แต่ในระยะยาวยังต้องติดตามอย่างต่อเนื่อง หลังมาตรการยังไม่ได้ข้อสรุปเกี่ยวกับเงื่อนไขต่างๆ ทำให้บริษัทยังไม่ได้ปรับเกณฑ์การผ่อนดาว์นของลูกค้าที่ซื้อที่อยู่อาศัยในโครงการของบริษัท ซึ่งปัจจุบันลูกค้าของบริษัทจะวางเงินดาวน์เฉลี่ย 10-15%

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน