เสนาฯออกแคมเปญฯให้ลูกค้า จ่ายเงินดาวน์เพิ่ม ดอกเบี้ย 7% รับมือเกณฑ์แอลทีวีใหม่ของแบงก์ชาติ ปี62 เดินหน้ารุก 22 โครงการใหม่ จับเรียลดีมานด์

นางเกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสนา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปี 2562 เป็นปีที่ไม่ง่ายในการทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะในด้านกำลังซื้อผู้บริโภคน่าจะลดลง เพราะมีข้อจำกัดในการซื้อที่อยู่อาศัยมากขึ้น ทั้งปัจจัยลบด้านดอกเบี้ยขาขึ้น และเศรษฐกิจโลกยังไม่ฟื้นตัว อีกทั้งธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือแบงก์ชาติ มีการปรับสัดส่วนสินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกัน (แอลทีวี) ที่จะเริ่มใช้ในวันที่ 1 เม.ย.นี้

อย่างไรก็ดีเพื่อรับมือกับความเสี่ยงดังกล่าว เบื้องต้นบริษัทได้ออกแคมเปญ ไฟแนนเชียล เช็ค อัพ เดย์ เพื่อให้ลูกค้ามาตรวจสอบสถานะทางการเงินเพื่อดูความสามารถในการขอกู้เงินจากธนาคารก่อนล่วงหน้า 1 ปี ก่อนที่โครงการจะก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมโอน ทั้งนี้ในกรณีที่ลูกค้ามีความสามารถในการกู้ไม่ได้ตามเกณฑ์ บริษัทจะเสนอให้ลูกค้าผ่อนชำระเงินดาวน์เพิ่มขึ้นจากวงเงินดาวน์ปกติ โดยมีข้อเสนอในการให้ดอกเบี้ยวงเงินดาวน์ ที่ลูกค้าต้องจ่ายเพิ่มในอัตราไม่น้อยกว่า 7-8% ต่อปี

ทั้งนี้เพื่อเป็นการสร้างสถานะทางการเงินให้กับลูกค้า ให้พร้อมมากขึ้น ก่อนจะถึงเวลาที่ต้องยื่นหลักฐานทางการเงินเพื่อขอเงินกู้จากธนาคาร โดยไม่ต้องรอให้บ้านและคอนโดมิเนียมใกล้ก่อสร้างแล้วเสร็จ เบื้องต้นได้ประเดิมที่ โครงการนีชโมโน สุขุมวิท แบริ่ง เป็นโครงการแรก ซึ่งเป็นการรับมือกับเกณฑ์แอลทีวี ใหม่ดังกล่าว

ส่วนแผนธุรกิจปี 2562 บริษัทยังขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่องภายใต้โครงสร้างธุรกิจใหม่ ทั้งด้านการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย โดยเน้นกลุ่มลูกค้าที่มีความต้องการซื้อเพื่อความจำเป็นในการอยู่อาศัย (เรียลดีมานด์) โดยเฉพาะ ซึ่งตามแผนจะเปิดตัว 22 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 24,000 ล้านบาท ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด

แบ่งเป็นคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ 7 โครงการ และบ้านแนวราบ กรุงเทพฯ-ปริมณฑล 7 โครงการ รวมถึงโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบในต่างจังหวัดอีก 7 โครงการ ภายใต้ บริษัท พราว วานิจ จำกัด ซึ่งบริษัทได้เข้าถือหุ้นเมื่อปีที่แล้ว และจะช่วยขยายฐานลูกค้าที่อยู่อาศัย 3 จังหวัดที่อยู่ในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) และจังหวัดเมืองรอง อาทิ ชลบุรี เขาใหญ่ จ.สระบุรี ลพบุรี และอุดรธานี

ขณะเดียวกันในปี 2561 ฐานยอดขายของบริษัทเริ่มแตะ 10,000 ล้านบาท และในปี 2563 รายได้จะขยับขึ้นไปที่ 10,000 ล้านบาท ดังนั้นเพื่อให้ธุรกิจมีการเติบโตอย่างมั่นคง โดยภายในไตรมาส 2 ปีนี้ คาดว่าจะมีความชัดเจนในเรื่องของการขยายการร่วมทุนทั้งกลุ่มทุนไทยและกลุ่มทุนญี่ปุ่น สำหรับลงทุนเพื่อสร้างรายได้ระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นการเข้าซื้อธุรกิจโรงแรม ในกรุงเทพฯ หรืออาคารสำนักงานให้เช่า

นอกจากนี้ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้านการพัฒนาที่อยู่อาศัย โดยเฉพาะคอนโดมิเนียม เนื่องจากบริษัทมองว่าผู้ที่อยู่คอนโดมิเนียมไม่ได้คิดจะอยู่ไปจนเกษียณอายุ แต่วันหนึ่งก็อยากขายหรือปล่อยเช่า ในขณะที่เสนาฯ ก็ต้องการจะมีบริการนี้เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าเต็มรูปแบบ ทำให้เป็นที่มาของ บริษัท แอคคิว เรียลตี้ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทใหม่ที่บริษัทเข้าไปถือหุ้นในปีที่ผ่านมา เพื่อมาให้บริการหลักในด้านตัวแทนขายและให้เช่า

ขณะที่ บริษัท วิคตอรี่ แอสเซ็ท แมเนจเม้นท์ จำกัด บริษัทบริหารชุมชน ซึ่งในไตรมาส 2 นี้ จะมีการเซ็นสัญญากับเชนบริหารโรงแรม เพื่อให้มีความสามารถในเชิงบริการที่ดียิ่งขึ้น เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับเสนาฯ รวมถึงยังทำหน้าที่ขยายตลาดลูกค้าในต่างประเทศด้วย ซึงในปีที่ผ่านมาทำให้บริษัทมียอดขายลูกค้าต่างประเทศกว่า 2,000 ล้านบาท

ขณะที่ในส่วนของ บริษัท เสนา โซลาร์ เอเนอร์ยี่ จำกัด เป็นบริษัทฯ ที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับพลังงานแสงอาทิตย์แบบครบวงจร โดยมีธุรกิจทั้งโซลาร์ฟาร์มและโซลาร์รูฟท็อป ซึ่งบริษัทมีการเจรจาร่วมทุน โดยเฉพาะแผนการพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศ หรือ พีดีพี 2018 (2561-2580) ในส่วนของพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งรัฐบาลจะเปิดรับซื้อไฟฟ้าจากรายย่อย จะสนับสนุนการรุกธุรกิจให้บริการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ให้ขยายตัวได้ต่อเนื่อง
โดยบริษัทตั้งเป้ายอดขายปีนี้ที่ 19,639 ล้านบาท และรายได้ที่ 8,278 ล้านบาท

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน