เอพีเปิด 3 ธุรกิจใหม่นอกอสังหาฯ เตรียมรองรับรายได้ 6 หมื่นล้านในปี’65 ลั่นอสังหาฯ ยังไม่ถึงทางตัน ปีนี้เปิดตัวโครงการใหม่ 39 โครงการ มูลค่ารวม 56,000 ล้าน

เอพีเปิด 3 ธุรกิจใหม่นอกอสังหาฯ – นายอนุพงษ์ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ 60,000 ล้านบาท ภายในปี 2565 จากปี 2561 ที่มีรายได้เติบโต 30% จากปี 2560 ที่มีรายได้ 28,900 ล้านบาท ขณะที่ในปี 2562 ตั้งเป้ารายได้เติบโตที่ 15% และยอดขายเติบโตที่ 5-10% จากปีที่แล้วที่มียอดขาย 41,300 ล้านบาท ภายใต้แผนการเปิดตัวโครงการใหม่ปีนี้รวม 39 โครงการ มูลค่ารวม 56,000 ล้านบาท ประกอบด้วยคอนโดมิเนียม 5 โครงการ 22,400 ล้านบาท ซึ่ง 3 โครงการ 18,300 ล้านบาท เป็นการร่วมทุนกับ มิตซูบิชิ เอสเตท ประเทศญี่ปุ่น ส่วนที่เหลืออีก 34 โครงการ เป็นโครงการบ้านแนวราบ พร้อมกันนี้เพื่อรองรับวิสัยทัศน์ในการดำเนินธุรกิจของบริษัทในปีนี้ ภายใต้ “AP World, A New Vision of Quality of Life” เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้กับฐานลูกค้าซึ่งปัจจุบันมีอยู่กว่า 50,000 ครัวเรือน

โดยล่าสุดบริษัทได้เปิดตัว 3 ธุรกิจใหม่ในรูปของแพลตฟอร์มที่มีระบบนิเวศ (Eco system) เพื่อสร้างจุดแข็งและเพิ่มความได้เปรียบในการแข่งขันให้กับเอพี ประกอบด้วย วาริ (VAARI) และ เคลย์มอร์ (CLAYMORE) ซึ่งทั้ง 2 ธุรกิจจะเป็นการนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อบริหารจัดการให้ผู้อยู่อาศัยมีการใช้ชีวิตที่ดียิ่งขึ้นโดยจะมีการทำงานร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจ และเป็นการต่อยอดธุรกิจของ บริษัท สมาร์ท เซอร์วิส แอนด์แมเนจเม้นท์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือเอพี ที่ปัจจุบันดำเนินธุรกิจบริหารจัดการหมู่บ้านจัดสรรและคอนโดมิเนียม โดยเตรียมจะทยอยเปิดตัวธุรกิจภายในไตรมาส 2 ปีนี้

ส่วนอีกธุรกิจภายใต้เอสอีเอซี (SEAC) ดำเนินธุรกิจในการดิสรัปวิธีการเรียนรู้ของคนในองค์กรและคน ในสังคมด้วยกระบวนการใหม่ๆ ผ่านความร่วมมือจากสถาบันการศึกษาระดับโลก อย่างมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด อเมริกา เป็นต้น ซึ่งจะเป็นวิธีการให้การศึกษาที่อาจไม่เคยเห็นในโลก

“ธุรกิจอสังหาฯ ยังไปได้อีกไกล ดูจากการลงทุนของรัฐบาลผ่านโครงการรถไฟความเร็วสูงที่จะขยายไปในหลายจังหวัดของไทย รวมถึงรถไฟฟ้าที่กำลังขยายไปหลายเส้นทางในกรุงเทพฯ โดยมั่นใจอย่างน้อยในระยะ 5 ปีจากนี้ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ยังไม่ถึงทางตัน ทั้งยังมองว่าจะมีคนในวัยทำงานที่มีกำลังซื้อสูงที่สุดในช่วง 4-5 ปีจากนี้ ดังนั้นธุรกิจอสังหาฯ ยังเป็นแกนหลักที่สร้างรายได้ให้กับบริษัท ขณะที่การขยายสู่ 3 ธุรกิจ ดังกล่าวเพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้กับลูกค้าและสร้างจุดแข็งให้กับเอพี รวมถึงจะสร้างรายได้ให้กับบริษัทซึ่งตามแผนจะมีสัดส่วนรายได้ถึง 10% ของยอดขายรวมในปี 2565 หรือราว 6,000 ล้านบาท”นายอนุพงษ์ กล่าว

อย่างไรก็ดี ปัจจุบันธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ต้องเผชิญกับปัจจัยเสี่ยงทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นความไม่แน่นอนของการเมืองในประเทศ ตลอดจนสงครามการค้าสหรัฐ-จีน แต่ในขณะที่การเติบโตของธุรกิจอสังหาฯ ขึ้นอยู่กับการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งจะเป็นตัวสะท้อนอารมณ์การจับจ่ายของคนในประเทศ ดังนั้นตราบใดที่เศรษฐกิจไทยยังมีอัตราการเติบโต 4% ก็เชื่อว่าตลาดอสังหาฯ ยังมีการเติบโต ขณะเดียวกันไม่เชื่อว่าแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้น จะมีผลต่อการตัดสินใจซื้อบ้านที่ลดลงด้วย เพราะจากการเก็บข้อมูลย้อนหลังไปถึงก่อนปี 2540 พบว่ายิ่งดอกเบี้ยปรับขึ้น ยอดขายบ้านก็จะเพิ่มขึ้นด้วย เพราะการขึ้นดอกเบี้ยเป็นผลจากอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น ซึ่งก็เป็นผลพวงจากเศรษฐกิจการขยายตัวสูง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน