ธอส. ย้ำติดบูโรกู้บ้านล้านหลังไม่ได้ ลั่นวินัยผ่อนชำระต้องมาก่อน ส่วนเฟส 2 คาดเดินหน้าได้ ส.ค.ปีนี้ ปรับเงื่อนไขให้ร่วมโครงการได้คล่อง

ย้ำติดบูโรกู้บ้านล้านหลังไม่ได้ – นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ธอส. คาดว่าจะได้ข้อสรุปมาตรการบ้านล้านหลัง เฟส 2 ในช่วงเดือน ส.ค.-ก.ย. 2562 นี้ เบื้องต้นจะยังคงใช้วงเงินเดิม 5 หมื่นล้านบาทจากโครงการในเฟสแรกให้หมดก่อน แต่จะมีการปรับหลักเกณฑ์การปล่อยสินเชื่อให้ครอบคลุมมากขึ้นตามนโยบายรัฐบาล เช่น ระยะเวลาการปล่อยกู้มีให้เลือก 40 ปี กับ 50 ปี ซึ่งจะต้องทำความเข้าใจกับลูกค้าว่า ถ้าต้องการผ่อนชำระยาวขึ้น แม้จะทำให้ค่างวดต่อเดือนถูกลงจากเดิม 3,800 บาทต่อเดือน แต่ก็จะทำให้ภาระหนี้โดยรวมเพิ่มขึ้นด้วย และผู้มีรายได้น้อยต้องหาผู้กู้ร่วม

นอกจากนี้ ยังได้ผ่านความเห็นชอบจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ยืดหยุ่นเกณฑ์การปล่อยสินเชื่อเป็นระยะเวลาชั่วคราว จากที่กำหนดให้ปล่อยสินเชื่อได้ 90% ต่อราคาสินทรัพย์ เพิ่มเป็น 95% เฉพาะลูกค้าสวัสดิการข้าราชการ และพนักงานรัฐวิสาหกิจ เพื่อแก้ปัญหาวงเงินกู้ไม่พอต่อราคาสินทรัพย์ทำให้ซื้อบ้านไม่ได้และปฏิเสธการขอสินเชื่อ ขณะเดียวกัน ยังพิจารณาว่าจะคิดอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่า 3% ด้วย แต่จะให้เฉพาะผู้ที่จองสิทธิ์บ้านล้านหลังที่มีรายได้ต่ำกว่า 15,000 บาทก่อน ซึ่งอยู่ระหว่างพิจารณา

“ปัจจุบันโครงการบ้านล้านหลัง มีผู้ยื่นกู้ 5,000 ราย คิดเป็นวงเงินกู้ 3,400 ล้านบาท ได้รับการอนุมัติไปแล้ว 4,400 ราย วงเงินกู้ 2,900 ล้านบาท จากจำนวนผู้มาลงทะเบียนสิทธิในโครงการ 1.27 แสนราย ที่แบ่งได้เป็น 4 กลุ่มคือ 1. มายื่นสิทธิแบบไม่รู้ 2. กลุ่มที่มีความพร้อมกู้ 3. กลุ่มที่หลักฐานพร้อมช่วงปลายปี และ 4. กลุ่มที่กู้ไม่ผ่านมีประมาณ 2,000 ราย ซึ่งจากนี้ ธนาคารจะโทรหากลุ่มที่มีความพร้อมกู้ทีละรายให้ทยอยเข้ามายื่นขอสินเชื่อ”นายฉัตรชัย กล่าว

นายฉัตรชัย กล่าวว่า โครงการบ้านล้านหลังเฟส 2 อยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะเปิดให้ลงทะเบียนเพิ่มหรือไม่ จากที่ลงทะเบียนสิทธิไปแล้ว 1.27 แสนราย ที่ขณะนี้ยังอนุมัติสินเชื่อไปไม่มาก ก็จะทยอยพิจารณาให้แล้วเสร็จภายในปีนี้ ซึ่งจากการสำรวจข้อมูลกับภาคเอกชน หมู่บ้านจัดสรร จะมีที่อยู่อาศัยราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท ที่ร่วมโครงการได้ ในช่วงปลายปีนี้ ถึงครึ่งปีแรกของปี 2563 เข้าสู่ตลาดอีกประมาณ 50,000 ยูนิต ซึ่งจะจะเพียงพอต่อกลุ่มลูกค้าที่เข้าโครงการทั้งหมด

อย่างไรก็ตาม สำหรับลูกค้าที่มีภาระผ่อนชำระ เป็นลูกหนี้กับสถาบันการเงินแห่งอื่น และติดแบล็กลิสต์ในเครดิตบูโร ธนาคารคงไม่สามารถพิจารณาอนุมัติสินเชื่อให้ได้ เนื่องจาก การติดบูโร สะท้อนให้เห็นว่า ลูกค้าไม่มีวินัยในการผ่อนชำระที่ดี แต่ในกรณีที่เคยมีประวัติในเครดิตบูโร แต่ชำระหนี้ครบถ้วนแล้ว และมีการเดินบัญชีเงินฝากกับ ธอส. ก็สามารถผ่อนปรนให้เข้าร่วมโครงการได้ หรือ หรือมีประวัติในเครดิตบูโร และสามารถแก้ไขภาระหนี้ดังกล่าวแล้วเสร็จไม่ต่ำกว่า 2 ปี ก็สามารถเข้าร่วมโครงการได้เช่นกัน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน