นายชยพล หรรรุ่งโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาบริษัทได้พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยทั้งประเภทคอนโดมิเนียม บ้านเดี่ยว และ โฮมออฟฟิศ โดยที่สร้างเสร็จและโอนแล้ว อาทิ โครงการอัลติจูด สามย่าน-สีลม และอัลติจูด ดีไฟน์ คอนโดมิเนียม 8 ชั้น รวมถึงที่อยู่ระหว่างก่อสร้างอย่าง โครงการ อาสะ อยุธยา-โรจนะ จ.พระนครศรีอยุธยา และอัลติจูดพรูฟ พระราม 9 เป็นต้น

โดยในปี 2562 บริษัทได้วางเป้าหมายการเปิดโครงการใหม่มูลค่ารวมกว่า 5,000 ล้านบาท ซึ่งครึ่งปีแรกเปิดขายไปแล้ว โครงการอัลติจูด ซิมโฟนี่ เจริญกรุง-สาทร คอนโดมิเนียม 21 ชั้น มูลค่า 1,000 ล้านบาท ล่าสุดมียอดขายแล้ว 60% โครงการอัลติจูด พรูฟ สาทร ซึ่งร่วมทุนกับ บริษัท บิวตี้ เจมส์ จำกัด ของ นายสุรสิทธิ์ ศรีอรทัยกุล ราคายูนิตละ 90 ล้านบาท รวม 4 ยูนิต มูลค่ารวมกว่า 300 ล้านบาท ปัจจุบันปิดการขายแล้ว

ขณะเดียวกันล่าสุดบริษัทยังร่วมทุนกับ ครีท กรุ๊ป บริษัทอสังหาริมทรัพย์จากญี่ปุ่น และตั้งแต่ปี 2555 มีการลงทุนทั้งในญี่ปุ่น และภูมิภาคเอเชีย ได้แก่ มาเลเซีย กัมพูชา เวียดนาม เมียนมา อินโดนีเซีย สปป.ลาว และบังคลาเทศ นับเป็นมูลค่าการพัฒนาโครงการแล้วกว่า 800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากเริ่มหมดกังวลเรื่องเสถียรภาพการเมืองไทย หลังมีการเลือกตั้งเสร็จสิ้น และพร้อมเปิดตัวโครงการอัลติจูด ยูนิคอร์น สาทร-ท่าพระ มูลค่า 2,400 ล้านบาท เป็นคอนโดมิเนียมสูง 34 ชั้น อยู่ติดสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส ตลาดพลู โดยจะมีการสร้างสะพานเชื่อมติดกับสถานีรถไฟฟ้าตลาดพลู พัฒนาบนที่ดินกว่า 2 ไร่ ประกอบด้วยห้องชุดรวม 711 ยูนิต ขนาดห้องมีตั้งแต่ 1 ห้องนอน 23.64- 69.28 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.19 ล้านบาท หรือเฉลี่ยตร.ม. 1 แสนบาท โดยจะเริ่มก่อสร้างในปลายปีนี้ และแล้วเสร็จในไตรมาส 3 ปี 2564 โดยมี ธนาคารเกียรตินาคิน เป็นผู้สนับสนุนสินเชื่อโครงการ

อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านี้เปิดขายรอบวีวีไอพี ล่าสุดมียอดขายแล้ว 50 ยูนิต และเตรียมเปิดขายในวันที่ 21 ก.ค.นี้ โดยเชื่อมั่นว่าผู้บริโภคกลุ่มวัยทำงาน โดยเฉพาะในใจกลางกรุงเทพฯ สีลม สาทร สุขุมวิท จะให้การตอบรับดีเนื่องจากจุดเด่นนอกจากทำเลที่ตั้งโครงการแล้ว การออกแบบให้เป็นห้องชุดพร้อมตกแต่งสไตล์ญี่ปุ่น และส่วนกลางที่ให้ค่อนข้างมากเกือบ 10 จุด ขณะที่ค่าส่วนกลาง ตร.ม.ละ 45 บาท ทำให้เชื่อมั่นว่าจะได้ยอดขาย 70% ในปลายปีนี้

อีกทั้งในปลายปีนี้ยังเตรียมเปิดอีก 2 โครงการ จากทั้งหมด 4 โครงการที่เตรียมเปิดตัวในปีหน้า โดยจะมีคอนโดมิเนียม และบ้านแนวราบ ซึ่งร่วมทุนต่อเนื่องกับบิวตี้เจมส์ หลังจากได้รัฐบาลเป็นรูปเป็นร่างแล้ว เชื่อว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์จะกลับมาเติบตัวได้ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการออกแบบโครงการด้วย

ขณะที่นายโตชิฮิโกะ มูเนโยชิ ผู้ก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการ ครีท กรุ๊ป เปิดเผยว่า สาเหตุที่เพิ่งเข้ามาลงทุนในไทย เนื่องจากที่ผ่านมาไม่มั่นใจเรื่องการเมืองในประเทศ แต่เมื่อได้เข้ามาศึกษาสภาพเศรษฐกิจและสภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์ในไทยแล้ว พบว่าไม่น่ากังวลอย่างที่คิดและหากโครงการแรกประสบความสำเร็จบริษัทก็พร้อมจะลงทุนต่อเนื่อง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน