พฤกษาฯยอมรับรายได้ต่ำเป้า-แอลทีวีดันยอดปฏิเสธสินเชื่อพุ่ง 8% – ชี้ภาพรวมตลาดอสังหาฯในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลไตรมาส 3 ยอดขายลดลงถึง 35% ส่วนปีหน้าตลาดยังท้าทาย

พฤกษาฯยอมรับรายได้ต่ำเป้า – นางสุพัตรา เป้าเปี่ยมทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ช่วงไตรมาส 3 ปีนี้ มูลค่ายอดขายอยู่ที่ 1 แสนล้านบาท ลดลงถึง 35% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีปัจจัยลบจากสถานการณ์เศรษฐกิจไทยที่ชะลอตัว รวมไปถึงแรงกดดันจากมาตรการคุมเข้มสินเชื่อ (แอลทีวี) ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ทำให้ธนาคารเข้มงวดมากขึ้น ส่งผลให้อัตราการปฏิเสธสินเชื่อของทั้งตลาดสูงขึ้น โดยเฉพาะในตลาดระดับล่าง หรือทาวน์เฮาส์ราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท ถูกปฏิเสธสินเชื่อสูงถึง 15% ขณะที่ของพฤกษาฯ มียอดถูกปฏิเสธสินเชื่อประมาณ 8% แม้ว่ามาตรการอสังหาริมทรัพย์ของภาครัฐ จะเข้ามามีส่วนช่วยให้ตลาดดีขึ้นได้บ้าง แต่จากสถานการณ์ทั้งหมดทำให้บริษัทประเมินว่าผลประกอบการปี 2562 คาดว่าจะไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่คาดว่าจะมีรายได้ที่ 45,000 ล้านบาท และยอดขายที่ 50,000 ล้านบาท ส่วนแนวโน้มปีหน้ายังคงมีความท้าทายอย่างต่อเนื่อง

ขณะที่ในส่วนของสินค้าคงค้างที่อยู่ระหว่างการขายและดำเนินการใน 192 โครงการ มีทั้งสิ้น 30,000 ยูนิต หรือคิดเป็น 15% ซึ่งลดลง 17% จากปีก่อน และเฉพาะสินค้าสร้างเสร็จคงเหลือมีจำนวน 5,638 ยูนิต คิดเป็นมูลค่า 18,300 ล้านบาท ซึ่งในจำนวนนี้เป็นสินค้าราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท ประมาณ 34% หรือคิดเป็นมูลค่า 6,000 ล้านบาท และยังมียอดขายที่รอรับรู้รายได้ ที่สามารถรับรู้เป็นรายได้ในปีนี้อยู่ที่ 16,092 ล้านบาท โดยพร้อมจะเร่งการขายในทุกช่องทางรวมถึงช่องทางอีคอมเมิร์ซบนแพลทฟอร์มช้อปปี้

ประกอบกับเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ตลาดดังกล่าว ทำให้แผนการดำเนินงานในไตรมาสสุดท้าย บริษัทได้ร่วมกับธนาคารพันธมิตรในการช่วยเตรียมความพร้อมให้ลูกค้ากู้ผ่านได้ง่ายยิ่งขึ้น พร้อมปรับแผนกลยุทธ์เปิดโครงการใหม่อีก 9 โครงการ มูลค่า 8,800 ล้านบาท โดยเลือกเปิดตัวโครงการที่มีศักยภาพ เร่งระบายสินค้าคงเหลือ เพื่อเพิ่มรายได้ ปรับลดสินค้าค้างที่ยังอยู่ระหว่างดำเนินงาน การจัดแคมเปญส่งเสริมการขายเพื่อเร่งการตัดสินใจซื้อ ส่วนแผนการซื้อที่ดินจะเน้นที่ดินเกรดเอ ที่มีศักยภาพเท่านั้น เนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจในปี 2563 ยังมีหลายปัจจัยที่ยังคงอยู่อาทิเศรษฐกิจชะลอตัว เงินบาที่แข็งค่า ส่งออกชะลอตัว อีกทั้งค่าแรงที่จะปรับขึ้น ตลอดจนภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างซึ่งจะส่งผลให้บริษัทมีต้นทุนเพิ่มขึ้นประมาณ 20-25 ล้านบาท

สำหรับผลประกอบการไตรมาส 3 ปีนี้เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนโดยปีนี้มียอดขาย 14,113 ล้านบาท ลดลง 4.3% รายได้ 8,517 ล้านบาท ลดลง 23.4% และกำไรอยู่ที่ 916 ล้านบาท ลดลง 42.4% ทำให้ผลประกอบการในรอบ 9 เดือนแรกปีนี้บริษัทมียอดขายได้ 37,480 ล้านบาท ลดลง 3.7% มีรายได้ 28,179 ล้านบาท ลดลง 6.8% และมีกำไร 3,534 ล้านบาทลดลง 12% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน