นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ เอดับบลิวซี (AWC) ของนายเจริญ สิริวัฒนภักดี กล่าวว่า แผนการลงทุน 5 ปี นับจากปี 2563-2567 เมื่อวันที่ 13 พ.ย. 2562 ทางคณะกรรมการบริษัทได้อนุมัติงบลงทุนรวม 55,000 ล้านบาท เพื่อพัฒนา 13 โครงการที่มีทั้งโครงการที่มีเฉพาะโรงแรม และโครงการขนาดใหญ่แบบผสมผสาน หรือ มิกซ์ยูส ซึ่งภายในโครงการจะมีโรงแรม รีสอร์ต ห้องจัดประชุมสัมนา พื้นที่ค้าปลีก รวมทั้งสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ อย่าง โอเชี่ยนเวิลด์ หรือสวนสนุก และสวนน้ำ ครอบคลุมเมือง และจังหวัดท่องเที่ยว อย่าง กรุงเทพฯ ภูเก็ต พัทยา เชียงใหม่ และกระบี่
วัลลภา ไตรโสรัส
พร้อมกันนี้บริษัทยังมีแผนศึกษางบลงทุนเพิ่มอีกกว่า 40,000 ล้านบาท เพื่อเตรียมพร้อมที่จะต่อยอดความสำเร็จผ่านการพัฒนาโครงการใหม่ๆ เพราะเชื่อมั่นในศักยภาพแนวโน้มการเติบโตของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศไทยที่แข็งแกร่ง และมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง จากการที่ไทยเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ประกอบกับยังได้เล็งเห็นถึงศักยภาพที่ดีในระยะยาวของอุตสาหกรรมการจัดประชุมและสัมมนา (ไมซ์) ของไทย ซึ่งเติบโตที่แข็งแกร่งโดยเฉลี่ยที่ 47.6% ตลอดช่วง 5 ปีที่ผ่านมา และยังมีทิศทางเติบโตที่ดีในอนาคต จากการจัดงานสัมมนาระดับนานาชาติที่เปลี่ยนจากฮ่องกง และสิงคโปร์มาไทย ตลอดจนความคืบหน้าของโครงการสาธารณูปโภคพื้นฐานสำคัญของรัฐบาล ที่เป็นปัจจัยสนับสนุนในภาพรวม
ทำให้บริษัทเห็นโอกาสและศักยภาพที่ดีในการลงทุน สำหรับพัฒนาและบริหารโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่มุ่งตอบสนองไลฟ์สไตล์แบบครบวงจรในไทย โดยล่าสุดได้กลุ่มแมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล เพื่อนำ 3 แบรนด์โรงแรมระดับโลกในโครงการที่พัทยา และภูเก็ต ซึ่งที่พัทยาชื่อ เอดับบลิว เซ็นเตอร์ พัทยา (AWC CENTER PATTAYA) เป็นโครงการมิกซ์ยูสระดับเมกะโปรเจ็กต์ใหม่ มูลค่าลงทุน 20,000 ล้านบาท ประกอบด้วย โรงแรมเจดับบลิว แมริออท เดอะ พัทยา บีช รีสอร์ท แอนด์ สปา และ โรงแรม พัทยา แมริออท มาร์คีส์ ตลอดจนพื้นที่ค้าปลีก ที่จะทำให้เป็นจุดหมายปลายทางด้านช็อปปิ้งไลฟ์สไตล์ระดับไอคอนของพัทยา
ส่วนที่ภูเก็ตเป็นโรงแรม คอร์ทยาร์ด แมริออท ภูเก็ต ทาวน์ ตั้งอยู่ในใจกลางตัวเมืองภูเก็ต เป็นการปรับโฉมจากโรงแรมเมโทรโพล ภูเก็ต ประกอบด้วยห้องพัก 248 ห้อง ภัตตาคารและร้านอาหาร 2 แห่ง และพื้นที่จัดประชุมสัมมนากว่า 2,000 ตร.ม. อย่างไรก็ดี เป็นการเดินหน้าตามเป้าหมายในธุรกิจโรงแรมที่บริษัทจะมี 8,500 ห้องในอีก 5 ปี จากปัจจุบันมี 4,421 ห้อง รวมทั้งการสร้างการเติบโตที่แข็งแกร่งให้กับบริษัทได้อย่างต่อเนื่อง
