นายวันจักร์ บุรณศิริ ประธานผู้บริหารสายงานการเงินและสนับสนุนธุรกิจ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แผนธุรกิจปี 2563 เปิด 18 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 24,000 ล้านบาท ลดลงจากปี 2562 ที่เปิด 20 โครงการ มูลค่ารวม 30,000 ล้านบาท ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับสภาวะตลาด ณ วันนี้ และเชื่อว่าสถานการณ์จะเป็นแบบนี้ไปอีกระยะหนึ่ง เนื่องจากขณะนี้ยังไม่มีอะไรบ่งบอกถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโดยรวมทั้งสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 และ สงครามการค้า

ประกอบกับปีนี้บริษัทเน้นเปิดโครงการเล็กมูลค่าต่อโครงการลดลง เพื่อให้ปิดโครงการได้เร็วขึ้น อีกทั้งบริษัทยังมีที่ดินสะสมอีกมาก และหากสถานการณ์เมืองไทยหลังรัฐบาลผ่านการอภิปรายไม่ไว้วางใจแล้วและรัฐบาลมีการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณออกมา ทำให้เศรษฐกิจกลับมาดีขึ้น บริษัทก็พร้อมจะขยายโครงการมากขึ้นกว่าแผนที่วางไว้

โดยแบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 6 โครงการ มูลค่ารวม 8,800 ล้านบาท เน้นกลุ่มเป้าหมายต้องการซื้อเพื่ออยู่เองในปบรนด์ดีคอนโด และ เดอะเบส ซึ่งจะกระจายทำเลมากขึ้น อาทิ รามคำแหง รังสิต และมีต่างหวัด คือ เชียงใหม่ รวมถึงยังมีโครงการร่วมทุนกับบีทีเอส 1 โครงการ คาดว่าจะเป็นสุขุมวิท 38 ส่วนอีก 12 โครงการที่เหลือ จะเป็นบ้านแนวราบ มูลค่ารวม 15,200 ล้านบาท โดยจะเน้นไปที่ 2 แบรนด์หลัก คือ อณาสิริ ซึ่งเป็นโครงการที่มีสินค้าทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์เฮาส์ ระดับราคาประมาณ 5 ล้านบาท และสิริเพลส เป็นทาวน์เฮาส์ระราคา 1 ล้านบาทกลางๆ โดยทั้งหมดจะจับฐานลูกค้าที่มีความต้องการจริง

ขณะที่ปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอรับรู้รายได้ราว 47,000 ล้านบาท ในจำนวนนี้มีกำหนดที่จะรับรู้รายได้ปีนี้ประมาณ 24,000 ล้านบาท และเพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายยอดขายและยอดรับรู้รายได้เป็นไปตามเป้าหมายที่ 29,000 และ 33,000 ล้านบาท โดยเติบโต 40% และ 9% จากปี 2562 ตามลำดับ

ดังนั้นในปีนี้นอกจากบริษัทจะมุ่งขายโครงการเปิดใหม่แล้ว พร้อมเร่งยอดขายและยอดโอนเพื่อรับรู้รายได้ปีนี้ และปีนี้จะมีคอนโดมิเนียมอีก 8 โครงการที่จะทยอยสร้างเสร็จในปีนี้ และมียอดขายเฉลี่ย 60% หรือเหลือยอดขายประมาณ 12,000 ล้านบาท โดยบริษัทจะมีโปรโมชั่นราคาพิเศษ รวมถึงจะมีการนำบางโครงการมาปล่อยเช่าและหาลูกค้าที่ต้องการซื้อห้องพร้อมผู้เช่า เพื่อรับผลตอบแทนจากค่าเช่าทันที 5-6% ขายให้กับลูกค้าที่ต้องการซื้อเพื่อลงทุน ซึ่งถือเป็นหนึ่งในเครื่องมือการขายอย่างหนึ่ง โดยช่องทางการขายผ่านพลัส พร็อพเพอร์ตี้ และนายหน้าอสังหาฯ รายอื่นๆ รวมถึงกลุ่มลูกค้าแสนสิริไพรออริตี้ ที่ปัจจุบันมีกว่า 200 ราย ซึ่งเป็นกลุ่มที่มียอดซื้อตั้งแต่ 80-2,000 ล้านบาท ก็เป็นหนึ่งในฐานลูกค้าเป้าหมายที่ซื้อเพื่อลงทุน

ซึ่งในปีที่ผ่านมาบริษัทได้ทดลองทำไปแล้ว อาทิ โครงการโมนูเม้นท์ทองหล่อ ปล่อยเช่ากว่า 20 ยูนิต และขายพร้อมผู้เช่าได้กว่า 10 ยูนิต ราคายูนิตละ 40-50 ล้านบาท

ขณะเดียวกันเพื่อล็อกความเสี่ยง จากลูกค้าไม่โอนคอนโดมิเนียม โดยบริษัทได้เสนอส่วนลดพิเศษ 3-10% ให้ลูกค้าทั้งคนไทยและต่างชาติ โดยเฉพาะจีน สำหรับโครงการที่มีกำหนดจะสร้างเสร็จในปีนี้ โดยถ้าลูกค้าจ่ายเงินสดในวงเงินที่เหลือจากจ่ายเงินดาวน์ทั้งหมดแล้วจะได้รับส่วนลดในทันที

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน