นายอาณัติ กิตติกุลเมธี รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายพัฒนาโครงการแนวราบ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมยอดขายของบริษัทตั้งแต่เดือนม.ค.-ปัจจุบัน อยู่ที่ 22,000 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบ 53% หรือราว 11,660 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 47% หรือ 10,340 ล้านบาท ทั้งนี้ เฉพาะโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบ ในปีนี้บริษัทวางเป้าหมายยอดขายไว้ที่ 17,400 ล้านบาท เติบโตจากปีที่แล้ว 36% โดยแบ่งเป็นเป้าหมายยอดขายบ้านเดี่ยวที่ 13,000 ล้านบาท ทาวน์โฮมและอื่นๆ 4,400 ล้านบาท

โดยบริษัทได้วางเป้าหมายในระยะ 3 ปีข้างหน้าต้องการเป็นผู้นำตลาดบ้านเดี่ยว และติด 3 อันดับแรกในการเป็นผู้นำยอดขายในตลาดทาวน์โฮม ซึ่งบริษัทมั่นใจว่าด้วยจุดแข็งด้านการเข้าใจความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง เนื่องจากบริษัทมีทีมหลังบ้านที่คอยติดตามความพึงพอใจของลูกบ้านเพื่อนำข้อมูลกลับมาพัฒนาต่อยอดสินค้าในโครงการถัดๆ ไป โดยเฉาะอย่างยิ่งการอยู่อาศัยภายใต้สิ่งแวดล้อมที่ดีเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดสำหรับลูกค้าที่ต้องการในภาวะที่เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสในขณะนี้

อีกทั้งการบริการหลังการขาย และนวัตกรรมใหม่ๆ ในที่อยู่อาศัยที่บริษัทได้ออกแบบไว้ให้ เพื่อสร้างสังคมการอยู่อาศัยที่สมบูรณ์แบบ ซึ่งอยู่ภายใต้ 3 แกนหลัก คือสบายกาย โดยที่ผ่านมาได้เปิดตัวไปแล้ว นวัตกรรมบ้านปลอดฝุ่น เป็นต้น ส่วนสบายใจ จะเป็นเรื่องระบบรักษาความปลอดภัยทั้งหมด ผ่าน ลีฟ 24 ซึ่งเป็นศูนย์รักษาความปลอดภัยที่อยู่พื้นที่ส่วนกลางของทุกโครงการและเชื่อมต่อกับระบบศูนย์รักษาความปลอดภัยที่สำนักงานใหญ่ของแสนสิริ ตลอดจนระบบโฮมซีเคียวริตี้ในบ้านทุกหลัง เพื่อกันผู้บุกรุก งัดแงะต่างๆ รวมถึงยังมีระบบเปิดปิดบ้านด้วยดิจิตอล

และสุดท้าย คือความสัมพันธ์ที่ดีของทุกคนในโครงการ โดยแสนสิริได้ออกแบบสนามเด็กเล่นเพื่อสร้างเสริมการเรียนรู้ นอกเหนือจากนั้นก็จะมีสระว่ายน้ำระบบเกลือ พื้นที่โค-เวิร์กกิ้ง สเปซ บริเวณคลับเฮาส์ สำหรับรองรับการทำงานจากที่บ้าน (WFH) ได้ โดยที่ขณะนี้บริษัทได้ทยอยเปิดตัวโครงการบ้านภายใต้ 3 แกนหลักดังกล่าวไปแล้ว โดยเฉพาะในส่วนของบ้านปลอดฝุ่น ล่าสุดเปิดตัวไปแล้ว 5 โครงการ ถัดมาคือการพัฒนาพื้นที่โซนกรุงเทพกรีฑา ภายใต้แนวคิดเมืองเพื่อคุณภาพชีวิตในอนาคต ที่เปิดขายไปตั้งแต่ปีที่แล้ว

ทั้งนี้ ปัจจุบันได้เปิดตัวโครงการเศรษฐสิริ กรุงเทพกรีฑา 2 พร้อมกับได้ยกระดับสู่การอยู่อาศัยที่ดีที่สุด โดยเฉพาะ 2 เรื่องสำคัญ คือการออกแบบพื้นที่ใช้สอยภายในบ้านให้ตอบโจทย์วิถีใหม่ เช่นเพิ่มอ่างล้างมือก่อนเข้าบ้าน การออกแบบให้มีพื้นที่วางรองเท้านอกบ้าน ตลอดจนการวางระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงภายในบ้าน และในส่วนของพื้นที่ส่วนกลาง จะออกแบบให้จัดหมวดหมู่การใช้งานที่แยกออกจากกัน เช่น ล็อบบี้ คลับเฮาส์ กับโค-เวิร์กกิ้งสเปซ และการวางระบบอุปกรณ์ต่างๆ ในคลับเฮาส์ด้วยระบบเซ็นเซอร์ เพื่อเลี่ยงจุดสัมผัสทั้งหมด

นายอาณัติยังกล่าวด้วยว่า ในปี 2563 บริษัทมีแผนเปิดตัวที่อยู่อาศัยแนวราบ รวม 12 โครงการ มูลค่า 15,200 ล้านบาท แบ่งเป็นบ้านเดี่ยว 6 โครงการ และ ทาวน์โฮม บ้านแฝด อีก 6 โครงการ ซึ่งในไตรมาส 2 นี้ จะเปิดทาวน์โฮม 2 โครงการ ภายใต้แบรนด์สิริเพลส ระดับราคา 2-3 ล้านบาท ประกอบด้วยทำเลประชาอุทิศ 90 และ ราชพฤกษ์ พระราม 5 ซึ่งจะเปิดขายในวันที่ 13-14 มิ.ย.นี้

“ยอมรับว่าภาพรวมการแข่งขันในตลาดบ้านแนวราบรุนแรงพอสมควร แต่ด้วยยอดขายล่าสุดของแสนสิริที่ 22,000 ล้านบาทแล้ว ซึ่งถือว่าพอใจ เนื่องจากบริษัทมีกลยุทธ์การตลาดที่ทำให้ลูกค้าตัดสินใจเร็วขึ้น และมีโครงการครอบคลุมกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย ตลอดจนมีแคมเปญเพื่อกระตุ้นการตัดสินใจซื้ออย่างต่อเนื่อง”นายอาณัติ กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน