โฟตอน ‘AUMAN EST 400’ รถหัวลากจีน-หัวใจ ‘ยุโรป’

โฟตอน ‘AUMAN EST 400’ รถหัวลากจีน–หัวใจ ‘ยุโรป’

กิตติพงศ์ ศรีเจริญ

โฟตอน ‘AUMAN EST 400’ – ด้วยวิสัยทัศน์ที่มองเห็นโอกาสเติบโตในตลาดรถ เพื่อการพาณิชย์บ้านเราทำให้ ‘โฟตอน’ แบรนด์รถเพื่อการพาณิชย์ อันดับ 1 จากแดนมังกร ตัดสินใจเข้ามาลงทุนตั้งบริษัทลูกภายใต้ชื่อ บริษัท โฟตอน ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ตั้งแต่ปี 2558 มีบิ๊กบอส ‘กาว หมิง’ กุมบังเหียนในตำแหน่ง ประธานกรรมการ

ที่ผ่านมาศึกษาวิเคราะห์ตลาดว่า ควรจะรุกตลาดในกลุ่มไหนจนสรุปได้ว่า มุ่งเน้นที่รถบรรทุกขนาดใหญ่ ด้วยเพราะมีศักยภาพเข้าไปแข่งขันกับคู่แข่งที่มีอยู่ในตลาดได้อย่างแน่นอน

ก่อนหน้านี้เปิดตัวรถ ไมโครบัส โฟตอน AUV ความยาว 7.3 เมตร ขนาด 20 ที่นั่ง ที่จะเข้ามาทดแทนรถตู้สาธารณะที่กำลังจะหมดอายุลง

ล่าสุดกับการอวดโฉมรถหัวลากรุ่นใหม่ล่าสุด ‘โฟตอน AUMAN EST 400’ มีจุดเด่นตรงที่ โฟตอน บริษัทแม่ที่ประเทศจีน ได้เข้าไปร่วมหุ้นกับบริษัทยักษ์ใหญ่ในกลุ่มรถบรรทุกระดับโลก ไม่ว่าจะเป็น เดมเลอร์ คัมมินส์ และ ZF จัดตั้งบริษัทใหม่ ทั้ง 3 บริษัท เพื่อพัฒนารถให้กับโฟตอนโดยเฉพาะ

เริ่มกันที่ดีไซน์ และเทคโนโลยีการผลิต จากบริษัทยักษ์ใหญ่ เดมเลอร์ เหมาะกับการเดินทางขนส่งสินค้าระยะไกล อุปกรณ์ต่างๆ เน้นความสะดวกสบาย เบาะนั่งฝั่งผู้ขับขี่ปรับได้หลายทิศทาง ด้วยระบบไฟฟ้า ดูดซับแรงสั่นสะเทือนจากระบบถุงลม ลดความเมื่อยล้า ซึ่งจะส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานที่ดีขึ้น

เครื่องยนต์เลือกใช้ของคัมมินส์อันเลื่องชื่อ ดีเซล คอมมอนเรล 6 สูบ 11,800 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 430 แรงม้า ที่ 1,900 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 2,200 นิวตัน–เมตร ที่ 1,000 รอบต่อ ให้ทั้งความแรง และประหยัด

ระบบเกียร์ ใช้ของ ZF ที่วันนี้รถเพื่อการพาณิชย์ในยุโรปเลือกใช้กันทุกค่าย ด้วยเหตุผลที่ว่ามีความทนทาน ใช้งานง่าย มีให้เลือกทั้งแบบธรรมดา 16 เกียร์เดินหน้า และอัตโนมัติ AMT 12 เกียร์เดินหน้า ซึ่งมีเทคโนโลยีช่วยควบคุมอัตราการสิ้นเปลือง ด้วยการเปลี่ยนเกียร์ที่แรงบิด 1,000-1,300 รอบต่อนาที

เบรก I-Brake ลิขสิทธิ์เฉพาะของคัมมินส์ แบ่งเป็นการเบรก 3 ระดับ ช่วยชะลอความเร็วของรถได้อย่างนุ่มนวล หน่วงความเร็ว รถลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับ รถบรรทุกหนัก เพราะทำให้ลดความร้อน ของระบบเบรก อีกทั้งลดการสึกหรอของผ้าเบรกด้วย

และอีกหนึ่งจุดเด่นที่เชื่อมั่นว่าจะถูกใจเจ้าของกิจกรรมอย่างมาก คือการลดน้ำหนักตัวรถลงได้ 600 ก.ก. เนื่องจากมีกฎหมายควบคุมน้ำหนักรถบรรทุกหัวลากที่ไม่เกิน 50.5 ตัน ดังนั้นลูกค้าจะได้ น้ำหนักในการขนสินค้าได้เพิ่มขึ้นมาอีก 600 ก.ก.นั่นเอง

มีรถดีแล้วลูกค้าคนไทยจะมั่นใจเลือกซื้อใช้หรือไม่ ต้องดูกันที่เรื่องของโชว์รูม และศูนย์บริการ ประธานบริหารบอกว่า ในวันนี้อาจจะยังดูเหมือนมีอยู่ไม่มากนัก เพียงแค่ 12 แห่ง แต่ได้วาง เป้าหมายว่าปีหน้าจะต้องขยายเพิ่มขึ้นเป็น 30 แห่ง เพื่อรองรับการเติบโต และยอดขายที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างเจรจากับบริษัทสินเชื่อเช่าซื้อรถเพื่อการพาณิชย์ เพิ่มขึ้นอีก 2-3 ราย จากปัจจุบันที่มีอยู่แล้ว 3 ราย เป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้าในการเลือกใช้ลิสซิ่งอีกด้วย

รุกตลาดหนักขนาดนี้ในปีนี้อาจจะยังไม่เห็นผลเท่าไหร่ ตั้งเป้ายอดขายไว้เพียง 300 คัน แต่ในปีหน้ามองว่ามีโอกาสขยับตัวเลขไปได้ถึง 1,000 คัน หรือมีส่วนแบ่งทางการตลาด 3% จากตลาดรวมรถเพื่อการพาณิชย์ พร้อมตั้งเป้าหมายระยะกลางด้วยยอดขาย 2,700 คัน หรือมีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 10% ภายใน 5 ปีจากนี้ไป

รวมถึงสามารถก้าวขึ้นเป็นแบรนด์รถเพื่อการพาณิชย์ที่มียอดขายติด 1 ใน 3 อันดับสูงสุดในอนาคตอันใกล้ด้วย