กรมขนส่งทางบกเตรียมพร้อมเปิดอบรมใบขับขี่บิ๊กไบก์ เร่งร่างเกณฑ์ เบื้องต้นต้องมีใบขับขี่จยย.ไม่น้อยกว่า 3 ปี ผ่านการอบรมเฉพาะทั้งข้อเขียนและสนามทดสอบจริง

เป็นที่แน่นอนแล้วว่าในอนาคตอันใกล้ประเทศไทยจะมีใบขับขี่อีกหนึ่งชนิด นั่นคือใบขับขี่‘บิ๊กไบก์’ หลังจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบร่างกฎกระทรวงการขอและการออกใบอนุญาตขับรถ และการต่ออายุใบอนุญาตขับรถ พ.ศ. …. ที่แก้ไขเพิ่มเติมจากร่างที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ

เรื่องของเรื่องไม่พ้นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ก่อนหน้านี้ ที่เกิดอุบัติเหตุกับรถบิ๊กไบก์บ่อยๆ จนพูดกันว่าน่าจะต้องมีข้อกำหนดเฉพาะขึ้นมา เนื่องจากใบขับขี่รถจักรยานยนต์ของเก่านั้น การสอบ หรืออบรมต่างๆ ไม่ครอบคลุมรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่ ซึ่งแน่นอนว่าการขับขี่จะยากกว่ารถจักรยายนต์ซีซีต่ำ ซึ่งเป็นที่นิยมในบ้านเรา


แม้ที่ผ่านมาบรรดาค่ายรถบิ๊กไบก์ จะมีมาตรการรองรับ อาทิการอบรบขับขี่อย่างถูกต้อง ออกใบรับรองซึ่งไม่ต่างจากใบขับขี่กลายๆ แต่กระนั้นเป็นเรื่องของภาคเอกชน ภาครัฐโดยกรมการขนส่งทางบกจึงต้องมีเทคแอ็คชั่นเช่นกัน จนเป็นที่มาของใบขับขี่บิ๊กไบก์

กรมการขนส่งทางบกเพิ่มข้อกำหนดให้ผู้ขับรถจักรยานยนต์ที่มีกำลังสูง (Big bike) ต้องผ่านการอบรมและทดสอบการขับรถตามที่อธิบดีประกาศกำหนด โดยความเห็นชอบของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม

ทั้งนี้เพื่อช่วยลดอุบัติเหตุบนท้องถนน เนื่องจากบิ๊กไบก์เป็นรถที่มีขนาดความจุของกระบอกสูบมากกว่า 400 ลูกบาศก์เซนติเมตร หากเกิดอุบัติเหตุอาจทำให้เกิดความเสียหายและสูญเสียที่รุนแรง รวมทั้งผู้ขับขี่ต้องมีความเชี่ยวชาญเฉพาะ

โดยจะแยกใบอนุญาตขับขี่รถบิ๊กไบค์ออกมาต่างหากจากใบขับขี่รถจักรยานยนต์แบบเดิมก่อนที่ร่างกฎกระทรวงฉบับนี้ จะมีผลบังคับใช้ภายใน 120 วัน นับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา ระหว่างนี้กรมการขนส่งทางบก จะต้องเร่งออกประกาศเพื่อกำหนดเกณฑ์ที่จะใช้ในการอบรมและทดสอบผู้ขับขี่บิ๊กไบค์ให้แล้วเสร็จก่อน

หลังจากครม.เห็นชอบร่างกฎกระทรวงดังกล่าว นายยงยุทธ นาคแดง รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก(ขบ.) ระบุว่าภายใน 1-2 เดือน หรือประมาณเดือนพ.ย.2563 กรมจะประกาศบังคับใช้เกณฑ์การอบรมและทดสอบใบขับขี่บิ๊กไบก์ได้

สำหรับเกณฑ์ใหม่ที่จะนำมาบังคับใช้กับผู้ขับขี่บิ๊กไบก์ เบื้องต้นต้องมีอายุครบ 18 ปีบริบูรณ์ ต้องเคยมีใบขับขี่รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลมาแล้วไม่ต่ำกว่า 3 ปี ซึ่งก็เท่ากับว่าผู้ขับขี่จะต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 21 ปี โดยใบขับขี่จะมีอายุ 5 ปี และจะสกรีนรูปรถบิ๊กไบก์ไว้บนในขับขี่ด้วย เพื่อแสดงเป็นสัญญลักษณ์ให้ชัดเจน

ผู้ขออนุญาตต้องผ่านการฝึกอบรมการขับขี่เฉพาะตามหลักสูตรการขับขี่บิ๊กไบก์ที่กรมการขนส่งกำหนดจัดทำขึ้น เมื่อผ่านการอบรมแล้วจะต้องสอบขอรับใบขับขี่ใหม่เป็นการเฉพาะ ทั้งในส่วนของการสอบข้อเขียนและสอบปฏิบัติ การสอบภาคปฏิบัติการขับขี่นั้นต้องขับทดสอบในสนามจริง เบื้องต้นอาจจะใช้สนามของเอกชนเพื่อทดสอบความสามารถในการควบคุมรถในสถานการณ์จริง

สำหรับปัจจุบันมีจำนวนรถบิ๊กไบก์ ที่จดทะเบียนทั้งสิ้น 216,547 คัน จากจำนวนรถจักรยานยนต์ทั้งหมด 21,284,775 คัน คาดว่าจะเริ่มทะยอยให้ผู้ขับขี่เข้ามาอบรมหลักสูตรทักษะการขับขี่ได้ตั้งแต่เดือนพ.ย.นี้เป็นต้นไป เบื้องต้นอาจจะประสานให้มีการอบรมที่สำนักงานสาขาของผู้ผลิตและจำหน่ายทั่วประเทศ

ส่วนค่ายรถบิ๊กไบก์อย่างไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซค์เคิลส์ (ไทยแลนด์) โดยน.ส.จิราพร สำเร็จกิจเจริญ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด มองว่าเป็นเรื่องดีที่จะมีใบขับขี่เฉพาะของบิ๊กไบก์ บริษัทเห็นด้วย และพร้อมสนับสนุนมาตรการต่างๆ ที่ภาครัฐจะนำออกใช้บังคับ และเป็นข้อกำหนด ที่จะเป็นประโยชน์ และความปลอดภัย


“ที่ผ่านมาบริษัทให้ความสำคัญกับเรื่องของความปลอดภัย ตั้งแต่การออกแบบรถจักรยานยนต์ ที่เหมาะสมกับการขับขี่ การส่งเสริมให้ร้านค้าตัวแทนจำหน่าย จัดฝึกอบรมการขับขี่รถจักรยานยนต์ ในรูปแบบเบสิค ไรดิ้ง ครอส ให้กับลูกค้า เป็นการเพิ่มทักษะการขับขี่รถบิ๊กไบค์อย่างถูกวิธี สนุก และปลอดภัย ทั้งผู้ขับขี่ และผู้ใช้ถนน”

น.ส.จิราพร กล่าวอีกว่าส่วนผลกระทบกับตลาดรวม หรือยอดขายรถบิ๊กไบก์ ขณะนี้ยังไม่สามารถบอกได้ เนื่องจากต้องรอดูข้อกำหนดที่จะออกมาว่ามีความเข้มงวดมากน้อยแค่ไหน ขณะที่บริษัทเองเตรียมความพร้อม ด้วยการเพิ่มความเข้มข้นหลักสูตรการฝึกอบรม รวมถึงร่วมมือกับร้านค้าตัวแทนจำหน่าย เพิ่มความถี่ในการจัดกิจกรรมฝึกอบรม ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับลูกค้าให้ได้ใช้งานรถบิ๊กไบก์ได้อย่างปลอดภัยยิ่งขึ้น

รายงานข่าวจากบริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด กล่าวว่าขณะนี้ยังไม่สามารถประเมินได้ว่า จะมีผลกับตลาดรถจักรยานยนต์บิ๊กไบก์มากน้อยเพียงใด ต้องรอดูความชัดเจน รวมถึงรายละเอียดของระเบียบที่จะออกมาก่อน

อย่างไรก็ตามสำหรับเอ.พี.ฮอนด้า มีความพร้อมและยินดีสนับสนุนข้อกำหนดของภาครัฐ เพราะที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 2561 บริษัทร่วมพัฒนาหลักสูตรการขับขี่บิ๊กไบก์ให้กับกรมขนส่งฯ อีกทั้งยังมีศูนย์ฝึกอบรม และขับขี่ปลอดภัย ที่บริหารงานเอง มีมาตรฐาน ครูฝึกที่มีประสบการณ์ และความชำนาญ

สามารถออกใบรับรองเพื่อนำไปทำใบขับขี่ได้อีก 4 แห่ง ที่ถ.รามคำแหง สำโรง เชียงใหม่ และภูเก็ต รวมถึงร้านค้าตัวแทนจำหน่ายรถบิ๊กไบค์ของฮอนด้า ที่มีอยู่ 22 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งมีพื้นที่ในการฝึกอบรมการขับขี่ให้กับลูกค้าที่ซื้อไปใช้งานทุกแห่ง ขณะที่ร้านค้าตัวแทนจำหน่าย ที่มีศูนย์ฝึกอบรม และขับขี่ปลอดภัย ซึ่งสามารถออกใบรับรองในกาารนำไปทำใบขับขี่ได้เช่นเดียวกันกับเอ.พี.ฮอนด้า มีจำนวน 11 ทั่วประเทศอีกด้วย

การแยกใบขับขี่บิ๊กไบก์ออกเป็นการเฉพาะ ถือว่าเป็นเรื่องดีเช่นกัน เพราะอย่างน้อยคัดกรองผู้ขับขี่ว่ามีความสามารถจริง ในการบังคับรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่เพื่อความปลอดภัยทั้งตัวเองและเพื่อนร่วมทาง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน