ทดสอบทางยาว‘ซูซูกิ XL7’ – เรียกเสียงครางฮือจากบรรดาผู้สื่อข่าวที่ร่วมทดสอบสมรรถนะ ‘ซูซูกิ XL7’ เมื่อครั้งเปิดตัวใหม่ๆ ช่วงกลางปีที่แล้วกันไปได้อย่างมาก เพราะทั้งดีไซน์และสมรรถนะ โดนใจหลายคนอยู่ไม่น้อย

ล่าสุดก่อนสิ้นปีที่แล้ว ‘ซูซูกิ XL7’ มีเซอร์ไพรส์เล็กๆ ด้วยการติด 1 ใน 7 รถยนต์ที่ได้ลุ้นการเป็นรถยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปี หรือ ‘คาร์ ออฟ เดอะ เยียร์’ จากสมาคมรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ไทย

แม้สุดท้ายทุกคนจะรู้แล้วว่า คาร์ ออฟ เดอะ เยียร์ ปีที่แล้ว เป็นใคร แต่การที่ ซูซูกิ XL7 ติดโผเข้ามาด้วย ย่อมแสดงให้เห็นว่าไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน

ว่าแล้วเลยจัดมาทดสอบกันแบบเต็มๆ อีกสักครั้ง เพราะเมื่อครั้งไปร่วมทริปเส้นทาง ค่อนข้างสั้นไปนิด แถมไม่ได้เจอะเจอกับการจราจรที่ติดขัดในเมืองเลย

ติดต่อขอยืมรถไปยังผู้บริหารหนุ่ม ‘วัลลภ ตรีฤกษ์งาม’ กรรมการบริหาร ด้านการขายและการตลาด นัดรับรถกันที่สำนักงานใหญ่ ซูซูกิ มอเตอร์ ประเทศไทย ย่านวงแหวนอ่อนนุช

ซูซูกิ XL7 รถสไตล์ครอสโอเวอร์ 7 ที่นั่ง ที่มาภายใต้แนวคิด ‘THINK XL คิดได้เกินคาด ไปได้เกินใคร’

รูปร่างกะทัดรัด วางเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร บรรจุม้าหนุ่มไว้ 105 ตัว ทำงานร่วมกับ เกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด

ดีไซน์ภายนอกมาในสไตล์สปอร์ตพรีเมียม กระจังหน้าสีดำมีเส้นโครเมียมพาดผ่าน ต่อเนื่องถึงไฟขับขี่เวลากลางวัน ได้รับแรงบันดาลใจมาจากดาบซามูไรญี่ปุ่น

ไฟหน้า LED ปรับองศาสูงต่ำได้ กันชนหน้าขนาดใหญ่พร้อมไฟตัดหมอก กันกระแทก ใต้กันชนดีไซน์เท่ และยังคำนึงถึงหลักการแอโรไดนามิกด้วย

ซุ้มล้อสีดำเพิ่มความดุดันพร้อมโลดแล่นไปในทุกเส้นทาง ล้ออะลูมิเนียมอัลลอย แบบทูโทนขนาด 16 นิ้ว

ภายในตกแต่งวัสดุด้วยลาย Carbon Fiber พร้อมคิ้วโครเมียม

มาตรวัดพร้อมจอ LCD แสดงผลแจ้งสถานะข้อมูลสำคัญ ของตัวรถ เช่น อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง แจ้งการเปิดประตูรถแบบบานไหนบานนั้น ไม่ต้องลุ้นว่าบานไหนปิดไม่สนิท

หน้าจอระบบสัมผัสขนาดใหญ่ 10 นิ้ว รองรับการใช้งาน Apple CarPlay, Android Auto ช่องเชื่อมต่อ USB และ HDMI บริเวณคอนโซลหน้า ช่องจ่ายไฟสำรอง 12V 3 ตำแหน่งที่บริเวณคอนโซลหน้า คอนโซลกลาง และที่นั่งแถวหลัง

การจราจรย่านวงแหวนอ่อนนุช กว่า 50% เป็นรถใหญ่ โดยเฉพาะคอนเทนเนอร์ รวมถึงรถบรรทุก รถปิกอัพ วิ่งกันให้ขวักไขว่ เพราะเป็นย่านโลจิสติกส์

ดีว่าเจ้า ซูซูกิ XL7 มีความสูงอยู่พอประมาณ ช่วยให้ประเมินสถานการณ์ด้านหน้าได้อย่างแม่นยำ ว่าควรหลบหลีกใช้เลนไหน จึงจะเดินทางได้เร็วขึ้น

ประกอบกับรูปร่างปราดเปรียว แม้จะมีความยาว แต่ด้วยกำลังเครื่องยนต์ ที่แค่แตะคันเร่งเบาๆ ก็สามารถเรียกกำลังมาใช้งานได้ในทันที

ชนิดถ้าเผลอกดคันเร่งหนักไปหน่อย ตัวรถกระโจนไปข้างหน้าราวกับม้าออกจากซองในสนามแข่งอย่างไรอย่างนั้น

ขณะที่การเร่งแซงซ้าย-ขวา ทำได้อย่างไหลลื่น แม้เพื่อนร่วมทางจะหนาตาอยู่พอประมาณ

เช้าวันรุ่งขึ้นออกเดินทางแต่เช้า จุดหมายปลายทางที่จ.นครสวรรค์ เดินทางกัน 3 คน พร้อมสัมภาระบรรทุกไว้ด้านท้าย ที่เมื่อพับเบาะแถวสามลงแล้วเพิ่มพื้นที่ ได้อีกอย่างมาก

ขึ้นทางด่วนโทลล์เวย์ แทบไม่มีรถวิ่งเลยสักคัน จัดหาความเร็วปลายกันเสียให้เสร็จสรรพ

เพิ่มน้ำหนักเท้าที่แป้นคันเร่ง เข็มไมล์ไต่ระดับขึ้นไปต่อเนื่อง ไปจนถึง 150 ก.ม.ต่อช.ม.ได้อย่างต่อเนื่อง

ช่วงล่างและพวงมาลัยยังคงมีความมั่นคง ไม่สั่นไหว หรือมีอาการหวิวให้ได้รู้สึก

เสียดายว่าถนนมีให้ลองแค่นั้น เพราะแป้นคันเร่งยังคงมีให้เหยียบได้อีกพอสมควร

แต่ก็นะรถประเภทนี้ส่วนใหญ่ไปกันเป็นครอบครัว จะทำความเร็วสูงต่อเมื่อมีเหตุจำเป็นจริงๆ ยามปกติไปกันแบบชิลชิล

มาถึงถนนสายเอเชียวิ่งที่ความเร็วเฉลี่ย 90-110 ก.ม.ต่อช.ม. ตามกฎหมายกำหนด ไม่ได้รู้สึกว่า ช้าเกินไป แถมยังให้ความประหยัดอยู่พอประมาณ

สังเกตจากจอแสดงข้อมูลที่เรือนไมล์ วิ่งอยู่แถวๆ 15-20 ก.ม.ต่อลิตร

จังหวะคิกดาวน์เพื่อเร่งแซง กำลังเรียกมาใช้ได้ในแทบจะทันที มีก็แค่เสียงของเครื่องยนต์ที่แทรกเข้ามาในห้องโดยสารชัดเจน แต่เมื่อกลับไปใช้ความเร็วเท่าเดิม เสียง ก็กลับมาเป็นปกติ

ช่วงล่างผ่านหลุมบ่อ คอสะพาน อาจจะไม่ได้นิ่มนวลชวนฝัน คือมีความนุ่มอยู่พอประมาณและไม่มีอาการกระเด้งกระดอน จนหัวสั่นหัวคลอน

จังหวะเข้าโค้งบนความเร็วที่เหมาะสมผ่านได้ไหลลื่น

ส่วนช่วงเปลี่ยนเลนแม้จะอยู่บนย่านความเร็วสูง ตัวรถสามารถกลับมาอยู่ในเลนทำได้อย่างกระชับฉับไว

เสียงเตือนน้ำมันใกล้หมดดังขึ้น กดระยะทางที่วิ่งได้ 554 ก.ม. อัตราสิ้นเปลือง 15.4 ก.ม.ต่อลิตร ประหยัดได้ใจไม่น้อยเลยทีเดียว

ครบเครื่องอย่างนี้นี่เองจึงไม่น่าแปลกใจเลยว่า ทำไม ‘ซูซูกิ XL7’ ถึงโดนใจใครหลายคนได้ไม่ยาก

กิตติพงศ์ ศรีเจริญ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน