น้าชาติ ประชาชื่น

[email protected]

ไม่เคยกิน อยากรู้จักปูขน

วรรณ

ตอบ วรรณ

ปูขน หรือ ปูก้ามขน หรือ ปูเซี่ยงไฮ้ (Chinese mitten crab, Shanghai hairy crab) ชื่อวิทยาศาสตร์ Eriocheir sinensis จากศัพท์มูลวิทยา Eriocheir (โอ-ริ-โอ-เชีย) เป็นภาษาละติน แปลว่า ก้ามมีขน และคำว่า sinensis (ไซ-เนน-ซิส) มีความหมายว่า อาศัยในประเทศจีน

ปูขนมีถิ่นกำเนิดในประเทศจีน พบอาศัยอยู่ตามทะเลสาบ เจริญเติบโตอยู่ในสภาพอากาศหนาวและน้ำที่เย็นจัด อุณหภูมิของน้ำต่ำกว่า 10 องศาเซลเซียส บริเวณที่พบมากและเป็นที่รู้จักกันดีคือ ทะเลสาบหยางเถิง ในมณฑลเจียงซู นอกจากนี้ยังพบในไต้หวัน และบางส่วนของคาบสมุทรเกาหลีไปจนถึงทะเลเหลือง ขณะที่ปัจจุบันได้แพร่กระจายไปถึงทวีปยุโรป เช่น ฟินแลนด์ สวีเดน เดนมาร์ก เนเธอร์แลนด์ เบลเยียม เยอรมนี บางส่วนของฝรั่งเศสและอังกฤษ

ปูขนมีกระดองรูปทรงสี่เหลี่ยมขนาดกว้าง 7-8 เซนติเมตร สีน้ำตาลปนเหลืองจนถึงน้ำตาลเข้ม มีขนเป็นกระจุกบนขาทุกขา ซึ่งถือเป็นลักษณะเด่น ขาเดินคู่แรกเป็นก้ามหนีบ ขาเดินที่เหลืออีก 4 คู่มีลักษณะเรียวยาว ไม่เป็นใบพาย กระดองส่วนหน้าไม่เรียบ มีตุ่มทู่ๆ เรียงกัน 2 แถว แถวแรกมี 2 ตุ่ม แถวถัดมามี 3 ตุ่ม ทั้งสองแถวเรียงขนานกับริมขอบเบ้าตาด้านใน ลักษณะเด่นที่สังเกตเห็นได้ชัดคือ ขอบด้านข้างของกระดองมีหนามแหลม 4 อัน ที่ก้ามมีขนสีน้ำตาลเข้มลักษณะเป็นกระจุกคล้ายสาหร่ายหางไก่ห่อหุ้มหนา โดยเฉพาะบริเวณขอบด้านนอกของก้ามหนีบ อันเป็นที่มาของชื่อสามัญ

มีวงจรชีวิตอาศัยอยู่ในทะเลสาบที่มีน้ำสะอาดและเย็นจัด เมื่อถึงช่วงฤดูร้อนจะอพยพไปผสมพันธุ์และวางไข่ในทะเลหรือดินดอน สามเหลี่ยมปากแม่น้ำแยงซี ปูขนที่มีร่างกายสมบูรณ์จะมีขนเป็นประกายสีเหลืองทองอ่อน โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาว คือช่วงเดือนตุลาคม-ธันวาคม

ด้วยเหตุนี้จึงเป็นอาหารที่มีราคาแพง นับเป็นอาหารระดับฮ่องเต้ เนื่องจากมีจำหน่ายเฉพาะในช่วงฤดูหนาวเท่านั้น เพราะเป็นฤดูผสมพันธุ์ ที่ปูตัวผู้จะมีเนื้อรสชาติหวาน และปูตัวเมียจะมีไข่ ทั้งนี้ ชาวจีนมีความเชื่อว่าปูขนต้องมีความทรหดอดทนมาก เนื่องจากสามารถใช้ชีวิตผ่านฤดูหนาวที่อากาศหนาวเหน็บมาได้ เชื่อว่าหากได้กินเนื้อแล้วจะทำให้แข็งแรงเหมือนปู ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ ทำให้ร่างกายอบอุ่น แก้โรคคออักเสบ รักษาอาการทางเดินอาหารไม่ปกติ รวมทั้งมีผลในการถอนพิษด้วย ทำให้มีราคาซื้อขายที่สูงมาก ทั้งในจีนแผ่นดินใหญ่ ไต้หวัน ฮ่องกง

สำหรับชาวไทยรู้จักรับประทานปูขนมาไม่ต่ำกว่า 30 ปีแล้ว เมื่อก่อนถึงขนาดเมื่อถึงฤดูหนาวจะเดินทางไปฮ่องกงเพื่อรับประทานปูขน หรือซื้อกลับมาโดยแช่แข็งไว้ในกระติกน้ำแข็ง แต่ปัจจุบันก็สามารถหารับประทานได้ในประเทศไทย โดยวิธีการปรุงปูขนก็กระทำได้โดยง่าย โดยใช้วิธีการนึ่งเพียง 15 นาที รับประทานพร้อมกับจิ๊กโฉ่หรือซอสเปรี้ยวของจีน หรือสุราแบบจีน และต้องรับประทานน้ำขิงเป็นของตบท้าย เพื่อปรับสภาพหยินหยางในร่างกายให้สมดุล

ที่สำคัญต้องปรุงให้สุก เพราะจากการศึกษาพบว่าปูขนเป็นพาหะของโรคพยาธิใบไม้ในปอด

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน