กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ตั้งเป้าปี 2568 เด็กไทยอย่างน้อยร้อยละ 50 กินนมแม่อย่างเดียวถึง 6 เดือน รณรงค์ส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ภายใต้คำขวัญ “นมแม่คือรากฐานแห่งชีวิต” โดยร่วมกับกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน องค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติประจำประเทศไทย องค์การอนามัยโลกประจำประเทศไทย และมูลนิธิศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย

นพ.วชิระ เพ็งจันทร์ อธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่าปีนี้กระทรวงสาธารณสุขและเครือข่ายร่วมกันรณรงค์ ส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ภายใต้แนวคิด “นมแม่คือรากฐานแห่งชีวิต” โดยมี นโยบายส่งเสริม สนับสนุน และปกป้องให้เด็กทุกคนได้กินนมแม่อย่างเต็มที่ ตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก คือกินนมแม่ตั้งแต่ 1 ชั่วโมงแรกหลังคลอด กินนมแม่เพียงอย่างเดียวในช่วง 6 เดือนแรกของชีวิต และกินนมแม่ต่อเนื่องควบคู่อาหารตามวัยจนถึงอายุ 2 ขวบ หรือนานกว่านั้น หรือตามสูตร 1-6-2

“ปัจจุบันเรามีนโยบายส่งเสริมการเกิดและเติบโตอย่างมีคุณภาพ จึงจำเป็นต้องเน้นตั้งแต่เริ่มก่อนตั้งครรภ์ คือการส่งเสริมให้แม่เข้าถึงบริการ ต้องได้รับสารอาหารเพียงพอจากแม่สู่ลูก หลังคลอด 6 เดือนต้องให้เด็กได้รับนมแม่อย่างเดียว” อธิบดีกรมอนามัยกล่าว

จากการสำรวจสถานการณ์เด็กและสตรีในประเทศไทย จัดทำโดยสำนักงานสถิติแห่งชาติร่วมกับองค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ ในปี 2559 พบว่า มีทารกไทยเพียงร้อยละ 40 ได้กินนมแม่ภายใน 1 ชั่วโมงแรกหลังคลอด และเพียงร้อยละ 23 ที่ได้กินนมแม่อย่างเดียวในช่วง 6 เดือนแรกของชีวิต ยิ่งไปกว่านั้น มีทารกเพียงร้อยละ 13 ที่ได้กินนมแม่ต่อเนื่องถึง 2 ปี สธ.ตั้งเป้าต้องเพิ่มอัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียว 6 เดือนให้ได้ร้อยละ 50 ภายในปี 2568

โดยการทำเรื่อง “ปกป้อง สนับสนุน ส่งเสริม” ขณะนี้กฎหมายลูก 10 ฉบับออกมาเรียบร้อยแล้ว ในเดือนกันยายนนี้ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎหมาย เรื่องการจัดสภาพแวดล้อม เอื้ออำนวยให้แม่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ เช่น การจัดมุมนมแม่ในสถานประกอบการ

ด้าน พญ.ศิริพร กัญชนะ ประธานมูลนิธิศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย กล่าวว่าร่วมมือกับภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐและเอกชนเพื่อนำร่องสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ คือการสนับสนุนการจัดมุมนมแม่ในสถานประกอบการ ปัจจุบันมีสถานประกอบการกว่า 40 แห่ง ที่มีการดำเนินงานที่ดีมาก

ประสบการณ์ของบริษัทเหล่านี้ทำให้บริษัทอื่นๆ ในประเทศไทย สนใจเริ่มดำเนินการช่วยพนักงานหญิงให้สามารถดูแลลูกอย่างดีที่สุดด้วยนมแม่ มูลนิธิ พยายามสร้างกระแสสังคมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ทุกๆ ปี ทุกคนมีบทบาทสำคัญได้ เริ่มตั้งแต่ตัวแม่และครอบครัว โรงพยาบาล ตลอดจนชุมชน สถานประกอบกิจการและหน่วยงานทุกแห่ง

คลินิกนมแม่โรงพยาบาลนครปฐม เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างสถานประกอบการโรงพยาบาลที่ช่วยให้แม่ประสบความสำเร็จในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ โดยมีพยาบาลผู้เชี่ยวชาญประจำคลินิกนมแม่ ปุณปวีร์ กิตติกุล หรือที่ใครๆ เรียกเธอว่า “แม่นก นมแม่” พยาบาลคุณแม่ลูก 2 ที่รวยอารมณ์ขัน เก่งและให้ความรู้ ช่วยเหลือแม่และลูกที่มีปัญหาการให้นมแม่

คุณนกพูดถึงงานในคลินิกว่า “งานคลินิกนมแม่เป็นงานรีบด่วน ต้องรีบช่วยเหลือตั้งแต่เริ่มต้นจนกว่าแม่จะให้นมลูกได้อย่างถูกต้อง และต้องรีบแก้ไขทันทีที่จะเกิดปัญหาอื่นๆ ตามมาจนยากจะช่วยแก้ไขให้สำเร็จ”

และเมื่อเกิดปัญหาแล้วคลินิกนมแม่เท่านั้นที่จะช่วยเหลือแม่ที่มีปัญหาเหล่านี้ได้ นี่คือหน้าที่บริการคุณแม่มือเก่า มือใหม่ มีปัญหาน้ำนมไม่พอ หัวนมแตก ท่อน้ำนมอุดตัน นวดประคบเต้านม อัลตราซาวด์ เต้านมคัด เต้านมอักเสบ เต้านมเป็นฝี จุดขาวที่หัวนม หรือการช่วยแม่เริ่มต้นให้นมแม่ที่ถูกวิธี ท่าอุ้ม วิธีดูดนมของลูก แม้การแก้ไขปัญหาต่างๆ ของลูก เช่น ลูกปฏิเสธนมแม่รุนแรง ลูกติดขวดนม ลูกปากแหว่งเพดานโหว่ มาหาแม่นก ยินดีบริการทุกๆ คน

คุณนกยังทำหน้าที่วิทยากรบรรยาย ให้คำปรึกษาออนไลน์ผ่าน เฟซบุ๊ก kunnoknommae จัดตั้งชมรมแม่จิตอาสาช่วยกันให้คำปรึกษาเรื่องนมแม่ รวมถึงผลักดันให้มีมุมนมแม่ในสถานประกอบการในโรงงานในจังหวัดนครปฐม โดยร่วมกับหัวหน้าส่วนราชการควบคุมโรงงาน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน