“รายงานพิเศษ”

สําหรับคนทำงานออฟฟิศนอกจากจะเสี่ยงกับอาการออฟฟิศซินโดรมแล้ว ยังมีความเสี่ยงต่อโรคกดทับเส้นประสาทข้อมือ โดยเฉพาะคนที่พิมพ์งานคอมพิวเตอร์

นอกจากนั้นผู้ที่ใช้งานข้อมือและมือซ้ำๆเป็นเวลานาน อาทิ ช่างเจาะถนน แม่บ้าน สตรีมีครรภ์ ก็มีความเสี่ยงต่อโรคนี้เช่นกัน

นพ.ณรงค์ อภิกุลวณิช รองอธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า โรคกดทับเส้นประสาทบริเวณข้อมือ จะมีอาการชา เป็นเหน็บ ปวดแสบปวดร้อนบริเวณฝ่ามือกับนิ้วมือ โดยเฉพาะนิ้วโป้งกับนิ้วชี้ และอาจรู้สึกเหมือนถูกไฟชอร์ตที่นิ้วโป้ง นิ้วชี้ นิ้วกลาง และนิ้วนางเป็นบางครั้ง มักมีอาการตอนกลางคืน หรือหลังตื่นนอน เมื่อได้ขยับ หรือสะบัดมือจะรู้สึกดีขึ้น

“อาการจะชัดเจนมากขึ้นหลังจากทำงานที่ต้องเคลื่อนไหวข้อมือหรือใช้ข้อมือหยิบจับถือสิ่งของเป็นเวลานาน หรือมีอาการอ่อนแรงของมือและนิ้วมือ”

โรคกดทับเส้นประสาทบริเวณข้อมือ เกิดจากพังผืดที่หนาตัวบริเวณข้อมือทางด้านฝ่ามือ แล้วกดทับเส้นประสาททำให้เกิดการอักเสบ เมื่อมีการใช้งานบริเวณข้อมืออย่างต่อเนื่องและเป็นเวลานาน

โรคนี้พบในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย ในช่วงอายุ 35 ถึง 40 ปี เพราะเป็นวัยทำงานมีการใช้ข้อมือ และมือซ้ำๆ กันเป็นเวลานาน เช่น คนที่พิมพ์งานคอมพิวเตอร์ เพราะต้องวางข้อมือลงกับโต๊ะที่เป็นของแข็ง

คนที่เขียนหนังสือ งานเย็บปักถักร้อย หรือใช้เครื่องมือที่สั่นสะเทือนต่อข้อมือบ่อยๆ เช่น ช่างเจาะถนน การทำงานที่กระดกข้อมือซ้ำๆกัน เช่น แม่ค้า แม่บ้าน คนซักผ้า

นอกจากนี้ยังพบว่าโรคดังกล่าวสามารถเกิดร่วมกับภาวะต่างๆ เช่น สตรีมีครรภ์ ผู้ป่วยโรคเบาหวาน โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ โรคไทรอยด์ รวมถึงผู้ป่วยกระดูกหักหรือเคลื่อนบริเวณข้อมือ

นพ.สมพงษ์ ตันจริยภรณ์ ผอ.โรงพยาบาลเลิดสิน กล่าวว่า การรักษาโรคกดทับเส้นประสาทบริเวณข้อมือ แบ่งออกเป็น 2 วิธี คือ การรักษาโดยไม่ผ่าตัด ใช้เฝือกอ่อนดามข้อมือ ทานยาแก้ปวดแก้อักเสบ ฉีดยาสเตียรอยด์ และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่ใช้ข้อมือเพื่อลดการอักเสบของข้อมือ

และการรักษาด้วยการผ่าตัด จะทำเมื่อการรักษาด้วยยาและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมไม่ได้ผล หรือผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงกล้ามเนื้อฝ่อ

สำหรับการป้องกันสามารถทำได้โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน การใช้งานมือและข้อมือด้วยความระมัดระวัง เช่น ใช้ปากกาที่จับเขียนได้สะดวก คนที่พิมพ์งานคอมพิวเตอร์ควรกดแป้นพิมพ์เบาๆ พร้อมทั้งแผ่นเจล ผ้านุ่มๆหรือฟองน้ำสำหรับรองข้อมือขณะพิมพ์ เพื่อลดการเสียดสีและลดการกระตุ้นเส้นเอ็นไม่ให้ตึงตัว

“พักมือเป็นระยะ โดยยืด ดัด และหมุนมือกับข้อมือควรปรับท่าทางของร่างกายโดยไม่ห่อไหล่ไปข้างหน้า หลีกเลี่ยงการนอนทับมือ หากสวมเฝือกข้อมือควร สวมเฝือกที่ไม่คับจนเกินไป ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ ในเกณฑ์ปกติ ตลอดจนรักษาความอบอุ่นของมือในสภาพอากาศหนาวเย็นเพื่อลดอาการปวดตึง” นพ. สมพงษ์กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน