หมูป่า 13 ชีวิต มิชชั่นพอสซิเบิล 2018
หมูป่า 13 ชีวิต มิชชั่นพอสซิเบิล 2018 : จากปฏิบัติการที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ กลับกลายเป็น “Mimission possible 2018” ด้วยความร่วมแรงร่วมใจจากคนไทยและชาวโลก แปรเปลี่ยนความมืดมิดของ “หมูป่า 13 ชีวิตติดถ้ำหลวง–ขุนน้ำนางนอน” ปรับความกลัวในจิตใจ ให้กลายเป็นพลังที่กล้าแกร่ง ก้าวสู่โลกใบใหม่โดยไม่ลืมเหล่า “ฮีโร่”
ถ่ายรูปกับพี่หมอภาคย์
พ.ศ.2561 ปีแห่งชีวิตของโค้ชเอก เอกพล จันทะวงษ์ และเด็กๆ ทีมหมูป่าอะคาเดมี พวกเขาก้าวผ่านเรื่องราวต่างๆ มาได้อย่างไร มีสิ่งใดหนุนให้เด็กๆ เติบโตพร้อมรอยยิ้มใสในทุกสถานการณ์
“เมื่อช่วงเดือนพฤจิ กายน ผมและนักจิตวิทยาได้มีการพูดคุยเพื่อประเมินจิตใจน้องๆ ทั้ง 13 คน หลังผ่านช่วงระยะเฝ้าระวังสภาวะเครียด พบว่าทุกคนมีสภาพจิตใจที่ดีมาก ไม่มีสภาวะเครียดอย่างที่เรากังวล ที่จริงแล้วหากจะมีบ้างก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เมื่อเราทำรายงานนี้ไว้ ต่างประเทศก็ประหลาดใจที่น้องๆ มีสภาพจิตใจที่ดี เข้มแข็ง นพ.ยงยุทธ วงศ์ภิรมย์ศานติ์ ที่ปรึกษากรมสุขภาพจิต เกริ่นนำ
นพ.ยงยุทธ
ก่อนอธิบายว่า เรื่องดังกล่าวมีผลมาจากส่วนสำคัญ 2 ส่วน คือ 1.การปฏิบัติตัวระหว่างอยู่ในถ้ำ น้องๆ มีจิตใจสู้ รวมตัวกันอย่างเข้มแข็ง ให้กำลังใจกัน ไม่ว้าวุ่นตระหนกตกใจ ปลอบใจกัน แบ่งหน้าที่กันขึ้นไปขุดถ้ำ ทำงานกันเป็นทีม ทุกคนมีสติมาก
เมื่อขุดถ้ำไปเรื่อยๆ เริ่มได้ยินเสียงจากภายนอก ทำให้เด็กๆ มีความหวังว่าคนจะไปพบ โค้ชเอกยังสอนให้น้องๆ ทำสมาธิ โยงไปยังปัจจัยที่ว่าทำไมน้องๆ จึงมีความสงบ จัดการปัญหาด้วยความสงบ มีสติ ถือว่าโค้ชเอกมีส่วนสำคัญมากในการดูแลช่วยเหลือเด็กๆ ทั้งยังมีสุขภาพที่ดี เพราะดูแลตนเองอย่างดีเมื่ออยู่ในถ้ำ เมื่อนักประดาน้ำไปพบ เขาเล่าว่าเด็กๆ ดูผอมแต่ยังมีสุขภาพที่ดี เมื่อออกมาตรวจโรคก็ไม่พบว่าใครมีอาการเจ็บป่วยรุนแรง
ร่วมแถลงข่าวครั้งแรก
2.การปฏิบัติหลังออกจากถ้ำมาเผชิญหน้ากับสังคม เราเตรียมการไว้อย่างดี จากที่ปกติเมื่อผ่านเรื่องราวเหล่านี้เรามักจะมีการเดินสายให้สัมภาษณ์ตามรายการต่างๆ มีสื่อไปสัมภาษณ์พ่อแม่ ผู้ปกครองเด็กถึงที่บ้าน มีการตกรางวัลให้ผู้ประสบเหตุ ซึ่งไม่ใช่การช่วยเหลือในระยะยาว แต่ครั้งนี้เรามีวิธีการจัดการที่ดี มีการใช้กฎหมายคุ้มครองเด็ก เป็นการช่วยเหลือระยะยาว ไม่ช่วยแค่เฉพาะหน้า การสัมภาษณ์ต้องสัมภาษณ์โดยสื่อกลางร่วมกัน มีการคัดกรองคำถาม ส่วนการสร้างภาพยนตร์ต้องขออนุญาตก่อน ต้องไม่ซ้ำเติมเด็กให้ได้รับผลกระทบใดๆ หากมีการมอบรางวัลหรือมอบทุน เราจัดการไว้ให้เป็นส่วนกลางเพื่อจัดการในระยะยาวให้เขา
สองปัจจัยเหล่านี้ช่วยทำให้ทุกคนกลับมามีชีวิตที่ปกติได้เร็ว มีสภาวะจิตใจที่แข็งแรง”
สำหรับการพาเด็กๆ เดินทางไปต่างประเทศ นพ.ยงยุทธ กล่าวว่าเพื่อขอบคุณผู้ช่วยเหลือ ให้เด็กแสดงออกถึงความรู้สึกที่เขามี ตอบแทนทุกคนที่ช่วยเหลือ คนที่ได้ช่วยก็รู้สึกถึงคุณค่าความสำคัญที่ทุกคนมี เด็กๆ ยังได้ประสบการณ์ อาจเดินทางไปขอบคุณผู้ช่วยเหลือในประเทศอื่นอีกหากมีคำเชิญมา เพราะมีหลายประเทศที่เข้าช่วยเหลือเขา ทั้งนี้ต้องไม่กระทบการเรียน
ผู้ว่าฯณงค์ศักดิ์
“เรื่องราวเหล่านี้ที่พวกเขาเผชิญ ในความเป็นผู้รอดชีวิตเขาจะเรียนรู้และก้าวไปข้างหน้าอย่างแข็งแรง มั่นคง และไม่ใช่ แค่สังคมไทยเท่านั้นที่ได้บทเรียน แต่เป็นเรื่องที่คนทั้งโลกได้ บทเรียน ในอนาคตเราจะต้องเผชิญกับภัยธรรมชาติต่างๆ มากมายที่ไม่อาจคาดเดา เรื่องนี้จะเป็นบทเรียน เป็นตัวอย่างถึงแนวทางการปฏิบัติต่างๆ ทั้งสำหรับผู้ประสบภัยและผู้ช่วยเหลือ
ด้าน พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งร่วมเดินทางไปต่างประเทศกับเด็กๆ ด้วย บอกเล่าว่า ตอนนี้ร่างกายเด็กๆ แข็งแรง เพราะได้กลับไปใช้ชีวิตตามปกติกับพ่อแม่ กลับไปเรียนหนังสือ จิตใจก็เข้มแข็ง เข้าใจบทบาทของตัวเองว่าเป็นคนที่โชคดีที่ได้รับความช่วยเหลือจนรอดชีวิต เขารู้ว่าต้องเป็นคนดีของพ่อแม่ ตอบแทนสังคม เชื่อในคำสอนว่าเขาจะต้องเป็นผู้ให้ต่อไปเมื่อมีโอกาสหรือเมื่อโตขึ้น เพราะเขาเคยได้รับความช่วยเหลือมา
ผู้่ว่า 13 ชีวิต
“เราจะเลือกกิจกรรมที่มีประโยชน์กับเขา โดยต้องไม่รบกวนชีวิตประจำวัน การเรียนเกรดต้องไม่ต่ำลง ผู้ปกครองเองก็ต้องยินยอมด้วย เราจึงเน้นกิจกรรมเกี่ยวกับกีฬาที่จะสร้างประโยชน์ให้เขา
ในการเดินทางไปต่างประเทศครั้งล่าสุด (อังกฤษ) เด็กๆ ได้ขอบคุณคนที่ช่วยเหลือเขา ได้พบนักกีฬาดังๆ ซึ่งจะสร้างแรงบันดาลใจต่อไปในอนาคต ได้ออกไปเรียนรู้ว่าโลกภายนอกกว้างใหญ่มากแค่ไหน หากมีความฝันต้องเตรียมตัวอย่างไร หรืออยากทำอาชีพอะไรต้องเรียนอันไหน เราจะให้คำปรึกษาเขาตรงนี้”
พล.ท.วีรชน กล่าวต่อว่า ข้อดีของเด็กๆ กลุ่มนี้คือรู้สถานภาพของตนเองอยู่ตลอดเวลา รู้ว่าต้องอดทนมากขึ้นเมื่อเป็นที่รู้จักและได้รับความสนใจจากคนหมู่มาก เขาจะยิ้มแย้มแจ่มใสเมื่อออกไปพบผู้อื่น เข้าใจบทบาทตัวเอง เขาโตเป็นผู้ใหญ่มาก บางครั้งมากกว่าคนที่มาวิจารณ์เขาในเรื่องต่างๆ นานาเสียอีก เมื่อมีคนวิจารณ์มาเขาจะบอกว่าเข้าใจว่าคนอื่นไม่รู้ว่าเรื่องตรงนี้จริงๆ เป็นอย่างไรเขาจึงวิจารณ์ ไม่เป็นไร เขามักจะบอกแบบนี้ เขายังเป็นเด็กอาจจะมีบ้างที่ซุกซน แต่อยู่ในขอบเขต เมื่อต้องทำกิจกรรมก็ทำให้อย่างไม่มีข้อแม้ ไม่มีเงื่อนไข
พล.ท.วีรชนพาเด็กๆ ขอบคุณหน่วยซีล
“เด็กๆ รักในกลุ่มของเขามาก รักความเป็นทีม มีความสามัคคีกันสูงมาก ที่สำคัญที่สุดคือกตัญญูต่อพ่อแม่ผู้ปกครองและคนที่ช่วยเหลือเขามาก ทั้งหมดคือข้อดีของน้องๆ ทีมหมูป่า”
สำหรับกิจกรรมของเด็กๆ ทีมหมูป่าต่อจากนี้ พล.ท.วีรชน เผยว่าอาจมีกิจกรรมเรื่อยๆ ที่สร้างประโยชน์ให้เขาและสังคม ล่าสุดน้องๆ ได้ไปทำโครงการสร้างความรับรู้ให้ประชาชนเรื่องอาเซียนที่ทำเนียบรัฐบาล เรียนรู้อันตรายของขยะที่สัตหีบ เด็กๆ ตื่นตาตื่นใจ สนุกกับเรื่องเหล่านี้ เป็นโครงการที่เขาได้ทำเพื่อสร้างการรับรู้ให้คนอื่น ส่วนคำเชิญของต่างประเทศต้องดูเหตุผลในการเดินทางไปด้วย อาจจะมีอีกแต่ต้องไม่กระทบการเรียน
“สิ่งที่ประเทศได้รับจากเหตุการณ์หมูป่าคือเรื่องความสามัคคี ความร่วมมือกันของเรา อย่างที่เรามักได้ยินเสมอว่าสามัคคีคือพลัง คนไทยในประเทศช่วยเหลือกัน ประเทศต่างๆ เข้ามาช่วยเหลือกัน ทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้ ทำให้เห็นว่าการอยู่อย่างมีน้ำใจนั้นงดงามแค่ไหน คนไทยเมื่อมีวิกฤตเกิดขึ้นเราสามารถร่วมแรงร่วมใจกันฝ่าฟันวิกฤตไปได้
ระหว่างเกิดเรื่องราว โลกรู้จักคนไทยจากเหตุการณ์นี้ หลังจบเหตุการณ์โลกได้รู้จักวัฒนธรรมไทยจากการที่น้องๆ หมูป่าเดินทางไปขอบคุณผู้ช่วยเหลือที่ประเทศต่างๆ มีแต่คำชมเข้ามา ทั้งเรื่องกิริยามารยาทที่งดงามของเด็กๆ การตอบคำถามและคำให้สัมภาษณ์ที่แสดงถึงจิตใจที่ดีของเด็กๆ” พล.ท.วีรชนกล่าวทิ้งท้าย
