3คณะทำงานเพื่อเด็กร่วมลงนาม เสริมทักษะชีวิตเยาวชนสู่สังคม

3คณะทำงานเพื่อเด็กร่วมลงนาม – บริบทสภาพแวดล้อมในสังคม เป็นปัจจัยสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาศักยภาพของเด็กและเยาวชน ด้วยเหตุนี้ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กรมกิจการเด็กและเยาวชน (ดย.) สมาคมวางแผนครอบครัวแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี (สวท.)

จึงร่วมกันขับเคลื่อนแนวทาง เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการดำเนินงานอย่างบูรณาการในภาพรวมของประเทศ พร้อมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) 3 ปี นำร่องสถานสงเคราะห์ 5 แห่ง เตรียมความพร้อมเด็กและเยาวชนออกสู่สังคม เน้นพัฒนาทักษะชีวิตและอาชีพ ทำกิจกรรมร่วมกับชุมชน พึ่งพิงตนเองได้ขยายผลสร้างกลไกเสริมสร้างศักยภาพครอบคลุมสถานสงเคราะห์อีก 16 แห่ง

3คณะทำงานเพื่อเด็กร่วมลงนาม เสริมทักษะชีวิตเยาวชนสู่สังคม

ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์-ดร.สมคิด สมศรี-ศ.นพ.สุรศักดิ์ ฐานีพานิชสกุล

ดร.สมคิด สมศรี อธิบดีกรมกิจการเด็กฯ กล่าวว่า ปัจจุบันมีเด็กและเยาวชนในสถานรองรับเด็ก (สถานสงเคราะห์) ตั้งแต่แรกเกิดถึง 18 ปี จำนวน 30 แห่งทั่วประเทศ มีเด็กในความอุปการะ 6,513 คน เด็กในสถานสงเคราะห์มีความหลากหลาย เช่น เด็กกำพร้า พิการ ครอบครัวยากจน ครอบครัวไม่พร้อมด้านสภาพแวดล้อมและไม่เอื้อต่อการดำรงชีวิตของเด็ก เด็กติดเชื้อเอชไอวี เป็นต้น

บางรายมีความเปราะบางและเสี่ยงต่อการตกเป็นเหยื่อทางสังคมได้ง่าย เมื่อออกสู่โลกภายนอก มักพบปัญหาร่วมของเด็ก 2 เรื่อง คือขาดความภาคภูมิใจในตนเอง ขาดแรงบันดาลใจและการตั้งเป้าหมายในชีวิต และขาดการฝึกฝนทักษะชีวิตในหลายๆด้าน

3คณะทำงานเพื่อเด็กร่วมลงนาม เสริมทักษะชีวิตเยาวชนสู่สังคม

ดร.สมคิด สมศรี

การแก้ปัญหาของทางกรม ดำเนินตามแผนกลยุทธ์กรมกิจการเด็กและเยาวชน ฉบับที่ 1 (พ.ศ.2560-2564) มุ่งเสริมสร้างทักษะชีวิตเด็กและเยาวชนตามช่วงวัย โดยเน้นการเสริมสร้างทักษะที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต มุ่งให้เกิดวินัยและคุณธรรม มีความรับผิดชอบเรื่องการดูแลสุขภาพทางเพศ และมีความรู้ความเข้าใจเรื่องเพศศึกษา

การลงนามความร่วมมือในครั้งนี้ กรมกิจการเด็กฯ กำหนดให้มีนโยบายการพัฒนาระบบคุณภาพสถานรองรับเด็ก ในสถานรองรับเด็กนำร่องทั้ง 5 แห่ง ได้แก่

1.สถานสงเคราะห์เด็กชายบ้านปากเกร็ด 2.สถานสงเคราะห์เด็กหญิงอุดรธานี 3.สถานสงเคราะห์เด็กชายบ้านราชสีมา 4.สถานสงเคราะห์เด็กชายบ้านเชียงใหม่ 5.สถานสงเคราะห์เด็กปัตตานี ตามเป้าหมายของโครงการ เพื่อพัฒนาสู่เป็นต้นแบบในการจัดสวัสดิการด้านเด็กและเยาวชนและเป็นศูนย์การเรียนรู้ และสามารถขยายผลการดำเนินงานไปสู่สถานรองรับเด็กอื่นๆ ทั้ง 16 แห่ง ในประเภทสถานรองรับเด็กอายุ 6-18 ปี ทั้งหญิงและชายจำนวน 2,620 คน รวมถึงการพัฒนาสมรรถนะ บุคลากรและระบบบริหารจัดการองค์กรที่สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของสังคม

ด้าน ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการ สสส.กล่าวว่า สสส.ให้ความสำคัญกับเด็กกลุ่มเปราะบาง เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ สร้างโอกาส และพัฒนาศักยภาพในการพึ่งตนเอง ผ่านระบบและกลไกการพัฒนาเด็กและเยาวชนในสถานสงเคราะห์ที่ได้รับการเสริมสร้างศักยภาพ โดยการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนทั้งภายในและภายนอกสถานสงเคราะห์ และมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนสนับสนุนโครงการเตรียมความพร้อมเด็กและเยาวชนออกสู่สังคมอย่างเป็นสุข

3คณะทำงานเพื่อเด็กร่วมลงนาม เสริมทักษะชีวิตเยาวชนสู่สังคม

ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์

มุ่งหวังที่จะเกิดการพัฒนาระบบคุณภาพสถานรองรับเด็ก โดยเน้นผลลัพธ์ที่ตัวเด็กและเยาวชน เกิดสถานรองรับเด็กต้นแบบที่สามารถขยายผลการดำเนินงานไปสู่สถานรองรับเด็กอื่นๆ ตลอดจนการพัฒนาบุคลากร ผู้รับผิดชอบการปฏิบัติงาน ในระบบบริการหลักของสถานรองรับให้มีความรู้ความสามารถในการเตรียมเด็กและเยาวชนออกสู่สังคม ที่สามารถนำความรู้ที่ได้รับไปปฏิบัติได้เป็นอย่างดี และสนับสนุนเกิดกิจกรรมที่มีส่วนร่วมกับชุมชนอย่างเหมาะสม เพื่อให้เด็กและเยาวชนคุ้นเคยกับสิ่งแวดล้อมภายนอก และมีความพร้อมที่จะออกไปใช้ชีวิตได้อย่างมั่นใจ เป็นประชากรที่มีคุณภาพของประเทศชาติต่อไปในอนาคต

ขณะที่ ศ.นพ.สุรศักดิ์ ฐานีพานิชสกุล นายกสมาคมวางแผนครอบครัวฯ กล่าวถึงการตระหนักในการเตรียมความพร้อมเด็กเยาวชนออกสู่สังคมว่า สวท.เสริมสร้างภูมิคุ้มกันทางจิตใจและสังคมให้แก่เด็กและเยาวชนในสถานสงเคราะห์ เพื่อลดภาวะที่ไม่พึงประสงค์ ช่วยให้เกิดความมั่นคงปลอดภัยในชีวิต มีทักษะในการใช้ชีวิตอยู่ในสังคมอย่างปกติสุข

3คณะทำงานเพื่อเด็กร่วมลงนาม เสริมทักษะชีวิตเยาวชนสู่สังคม

ศ.นพ.สุรศักดิ์ ฐานีพานิชสกุล

สำหรับโครงการมีระยะเวลาดำเนินการ 3 ปี โดยเน้น 3 เรื่องคือ 1.พัฒนากระบวนการและชุดความรู้สำหรับการพัฒนาระบบคุณภาพสถานรองรับเด็กนำร่องทั้ง 5 แห่งให้เป็นต้นแบบเพื่อการขยายผลการดำเนินงานไปสู่สถานรองรับเด็กอื่นๆ จนครบ 16 แห่ง 2.พัฒนาบุคลากรผู้รับผิดชอบการปฏิบัติงานในระบบบริการหลักของสถานรองรับเด็ก 3.สนับสนุนให้สถานสงเคราะห์เป้าหมาย 5 แห่ง เป็นสถานสงเคราะห์เปิด

3คณะทำงานเพื่อเด็กร่วมลงนาม เสริมทักษะชีวิตเยาวชนสู่สังคม

โดยดำเนินการให้สถานรองรับเด็กทำงานแบบมีส่วนร่วมกับภาคส่วนต่างๆ เกิดนวัตกรรม เครื่องมือเทียบระดับ (BENCHMARKING) จำนวน 2 ชุด (คู่มือเทียบระดับและคู่มือระบบคุณภาพสถานสงเคราะห์) ที่ครอบคลุมเรื่องการประเมินตนเอง (SELF-ASSESSMENT TOOLS) และคู่มือการพัฒนาบุคลากรในระบบบริการหลัก (PROGRAMMING TOOLS) 5 โปรแกรม

มีบุคลากรดูแลเด็กที่มีศักยภาพตามตัวชี้วัดในระบบหลักทั้ง 4 ด้าน คือ ด้านการเรียนรู้ ด้านการดูแลสวัสดิภาพ และความปลอดภัย ด้านนันทนาการ และด้านการศึกษาและวิชาชีพ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน